ยูเครนเร่งอพยพพลเรือนหลายหมื่นคนในเมืองโปครอฟสก์ เมืองสำคัญในแนวป้องกันและการส่งกำลังบำรุงทางด้านตะวันออกของประเทศ หลังกองทัพรัสเซียรุกคืบรวดเร็วมาก บ่งชี้ว่าแผนการของเคียฟในการบุกแคว้นคูร์สก์ เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้เครมลินนั่งไม่ติด และต้องจัดสรรกำลังไปปกป้องดินแดนของตัวเองนั้น ยังไม่ได้กระทบต่อปฏิบัติการบุกของกองกำลังรัสเซียในยูเครน กระนั้น เซเลนสกียังออกมาคุยว่ายึดพื้นที่คูร์สก์ได้แล้ว 1,250 ตร.กม. พร้อมเร่งตะวันตกอนุมัติใช้อาวุธยาวถล่มแดนหมีขาว และเร่งจัดประชุมสันติภาพนานาชาติเพื่อบีบมอสโกให้ยอมทำข้อตกลง
พวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของโปครอฟสก์ระบุว่า ได้สั่งให้ประชาชนอพยพออกจากเมืองแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ รวมทั้งหมู่บ้านใกล้เคียงตั้งแต่วันอังคาร (20 ส.ค.) เนื่องจากกองกำลังรัสเซียรุกคืบอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่า ขณะนี้ยังมีประชาชนอยู่ในโปครอฟสก์ราว 53,000 คน ซึ่งบางส่วนตัดสินใจอพยพออกไปแล้ว
โปครอฟสก์ เป็นหนึ่งในที่มั่นป้องกันหลักของยูเครน รวมทั้งเป็นศูนย์ส่งกำลังบำรุงสำคัญแห่งหนึ่งในแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งหากรัสเซียยึดไปได้จะยังความเสียหายให้แก่ความสามารถในการป้องกัน ตลอดจนให้แก่เส้นทางลำเลียงเสบียงของเคียฟ รวมทั้งทำให้รัสเซียยิ่งขยับใกล้บรรลุเป้าหมายในการเข้ายึดแคว้นโดเนตสก์ทั้งหมด
ทางด้านเคียฟพยายามผ่อนคลายความกดดันของทัพรัสเซียที่มีต่ออาณาบริเวณแนวรบด้านตะวันออกของตน ซึ่งวิธีการหนึ่งคือ การบุกจู่โจมเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียแบบเหนือความคาดหมายตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมา ด้วยความหวังที่จะทำให้เครมลินนั่งไม่ติดและต้องจัดสรรแบ่งกองทหารไปช่วยปกป้องแคว้นดังกล่าว
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (18) ว่า การบุกคูร์สก์มีจุดประสงค์เพื่อสร้างพื้นที่เขตกันชนขึ้นในแคว้นทางตะวันตกของรัสเซียแห่งนี้ ซึ่งอาจป้องกันการโจมตีของรัสเซียตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการโจมตีด้วยปืนใหญ่ ขีปนาวุธ และลูกระเบิดติดอุปกรณ์นำวิถี
ต่อมาเมื่อค่ำวันจันทร์ (19) เซเลนสกีกล่าวผ่านโซเชียลมีเดียว่า ยูเครนสามารถควบคุมพื้นที่ 1,250 ตารางกิโลเมตร และชุมชน 92 แห่งในแคว้นคูร์สก์ พร้อมอวดอ้างว่า บริเวณชายแดนรัสเซียส่วนที่ติดกับแคว้นซูมีของยูเครน ส่วนใหญ่ไม่มีทหารรัสเซียประจำการอยู่ สิ่งที่ปรากฏตอนนี้คือความสำเร็จของกองกำลังยูเครนและการไร้ความสามารถของปูตินในการปกป้องดินแดนของตัวเอง ก่อนสำทับว่า การป้องกันเชิงรุกของยูเครนเป็นการตอบโต้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและสร้างปัญหาให้แก่รัสเซียอย่างมาก
นอกจากนั้น ระหว่างที่เขากล่าวกับบรรดาเอกอัครราชทูตเมื่อวันจันทร์ เซเลนสกียังเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรยอมให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เพื่อหยุดยั้งกองกำลังรัสเซียจากการตะลุยโจมตีทางด้านตะวันออกของยูเครน รวมทั้งขอให้จัดการเจรจาสันติภาพนานาชาติครั้งที่ 2 ในปีนี้ และบีบรัสเซียให้ยอมทำข้อตกลงสันติภาพ
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับประเด็นหลังนั้น ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยคนหนึ่งของเครมลิน กล่าวว่า การบุกคูร์สก์ของยูเครนทำให้การเจรจาสันติภาพยิ่งห่างไกลออกไป
ภายหลังยึดเมืองยุทธศาสตร์สำคัญอย่างอัฟดิอิฟกาได้ รัสเซียได้เปิดการโจมตีทั่วแคว้นโดเนตสก์แบบไม่พัก ถึงแม้มีรายงานของฝ่ายตะวันตกระบุว่าแดนหมีขาวสูญเสียกำลังพลและอาวุธจำนวนมาก ทว่า ปฏิบัติการดังกล่าวยังคงค่อยๆ ปรากฏผลลัพธ์ ขณะที่ยูเครนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอนทหารออกจากพื้นที่ที่ถูกรัสเซียทำลายราบคาบไปแล้ว
ทั้งนี้ รัสเซียต้องการควบคุมพื้นที่ทั้งหมดในแคว้นโดเนตก์และแคว้นลูฮันสก์ ที่อยู่ติดกัน ซึ่งรวมกันเป็นเขตอุตสาหกรรมดอนบาส
สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ยูเครนเตือนว่า กองทัพรัสเซียรุกคืบอย่างรวดเร็วและอยู่ห่างจากชานเมืองโปครอฟสก์เพียง 10 กิโลเมตร
โอเลคซานดร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการกองทัพยูเครน กล่าวยอมรับเมื่อวันจันทร์ว่า มีการต่อสู้อย่างหนักในโปครอฟสก์ รวมถึงเมืองโตเรตสก์ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งหากรัสเซียยึดเมืองแห่งหลังนี้ได้ จะเปิดทางบุกต่อไปสู่ที่มั่นสำคัญของยูเครนอย่างเมืองชาซิฟ ยาร์ ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ลงไป
ทางด้านสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองในวอชิงตัน ระบุว่า กองกำลังรัสเซียค่อยๆ รุกคืบครอบครองพื้นที่ในโปครอฟสก์ เฉลี่ยแล้ววันละ 2 ตารางกิโลเมตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา โดยอาศัยการใช้กองทหารราบในแนวหน้ารุกโจมตีทีละหมู่บ้าน ซึ่งตอกย้ำข้อได้เปรียบทั้งด้านกำลังพลและอาวุธของมอสโก
(ที่มา : เอพี/เอเอฟพี)