รอยเตอร์/เอเอฟพี - ยูเครนส่งโดรนโจมตีแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียระลอกใหม่เมื่อวันอังคาร (13 ส.ค.) หลังจากก่อนหน้านั้นหนึ่งวันปูตินคำรามใส่ตะวันตกว่า ให้การสนับสนุนการจู่โจมบุกข้ามแดนของเคียฟ พร้อมสั่งการให้กองทัพขับไล่กองกำลังยูเครนให้พ้นจากแผ่นดินรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถทำลายโดรน 12 ลำเหนือแคว้นคูร์สก์ที่ถูกยูเครนบุกโจมตีตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว (6 ส.ค.) และเคียฟอ้างว่า ยึดดินแดนได้ถึง 1,000 ตารางกิโลเมตรเมื่อวันจันทร์ (12 ส.ค.)
วันเดียวกันนั้น ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศว่า การรุกล้ำดินแดนของยูเครนซึ่งถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับจากมอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มอัตราศึกในปี 2022 นั้น มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงสถานะการเจรจาของเคียฟก่อนการเจรจาสันติภาพที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง ทำลายความเป็นเอกภาพ และความสามัคคีของสังคมรัสเซีย
ประมุขวังเครมลินยังกล่าวว่า เคียฟซึ่งได้รับ “ความช่วยเหลือจากลูกพี่ตะวันตก” กำลังพยายามขัดขวางการรุกคืบของกองกำลังรัสเซียใน “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครน พร้อมตั้งคำถามว่า การเจรจากับศัตรูที่ยิงใส่พลเรือนและโรงงานที่จัดการเกี่ยวกับนิวเคลียร์ของรัสเซียไม่เลือกจะออกมาในรูปไหน
ปูตินยังสั่งการให้กองทัพขับไล่กองกำลังยูเครนออกจากดินแดนรัสเซีย พร้อมอวดอ้างว่า มีชายฉกรรจ์มาสมัครร่วมรบเพิ่ม ก่อนสำทับว่า ศัตรูของรัสเซียจะถูกตอบโต้อย่างฉับพลันและรุนแรง
ทางด้านโอเลคซานดร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน แจ้งต่อประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เมื่อวันจันทร์ว่า กองกำลังยูเครนยังคงบุกลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย และโจมตีในแคว้นคูร์สก์ โดยสามารถควบคุมดินแดนของรัสเซียราว 1,000 ตารางกิโลเมตร
ขณะที่เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยกับประชาชนเมื่อคืนวันจันทร์ว่า การบุกข้ามแดนเป็น “ประเด็นด้านความมั่นคงล้วนๆ” เพื่อยึดดินแดนที่กองทัพรัสเซียใช้เป็นฐานเปิดฉากโจมตีแคว้นซูมีของยูเครน
ที่แคว้นคูร์สก์ อเล็กซี สมีร์นอฟ รักษาการผู้ว่าการแคว้น เผยว่า ยูเครนเข้าควบคุมเมืองและหมู่บ้าน 28 แห่ง โดยสามารถรุกล้ำดินแดนลึกเข้าไปราว 12 กิโลเมตร และเปิดแนวรบใหม่ระยะทาง 40 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยว่า ประชาชน 121,000 คนอพยพออกจากคูร์สก์แล้ว และอีก 59,000 คนกำลังอพยพ โดยนับจากการบุกของยูเครน มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน และบาดเจ็บอีก 121 คน ขณะที่แคว้นเบลโกร็อดที่อยู่ติดกันนั้น ประชาชน 11,000 คนได้อพยพออกมาแล้ว
บล็อกเกอร์สายทหารบางคนระบุว่า กองกำลังยูเครนพยายามล้อมเมืองซุดซาในแคว้นคูร์สก์ ซึ่งมีเส้นทางขนส่งก๊าซธรรมชาติเข้าสู่ยูเครน โดยขณะนี้มีการสู้รบกันหนักใกล้เมืองโคเรเนโวที่อยู่ห่างจากชายแดนราว 22 กิโลเมตร และเมืองมาร์ตีนอฟกา
ต่อมาในวันอังคาร กองทัพอากาศยูเครนแถลงว่า รัสเซียส่งโดรนโจมตี 38 ลำ และขีปนาวุธทิ้งตัว 2 ลูกเข้าโจมตียูเครนเมื่อคืนวันจันทร์ และมีการเปิดระบบเตือนภัยทางอากาศทั่วประเทศช่วงสั้นๆ ในช่วงเช้าวันอังคาร
โดนัลด์ เจนเซน นักวิเคราะห์ทางการเมืองและอดีตนักการทูตในสถานทูตสหรัฐฯ ประจำมอสโก กล่าวว่า จากสิ่งบ่งชี้ทั้งหมดบ่งบอกว่า ปูตินจะมุ่งมั่นในการเอาชนะยูเครนมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า จะไม่มีการเจรจาสันติภาพ และเสริมว่า รัสเซียมองการเจรจาเป็นเครื่องมือสำหรับชัยชนะ ไม่ใช่ช่องทางสำหรับการไกล่เกลี่ย ขณะที่ความต้องการเอกราชของยูเครนขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับความปรารถนาของรัสเซียในการถอนรากถอนโคนยูเครน
เจนเซนยังบอกอีกว่า เคียฟมีเป้าหมายเพียงไม่กี่อย่างในการบุกโจมตีรัสเซีย หนึ่งในนั้นคือการสลับบทบาทมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง และการใช้คูร์สก์เป็นเครื่องมือในการเจรจาหากมีการเจรจาเกิดขึ้นในอนาคต
เขาย้ำว่า ปฏิบัติการของเคียฟส่งผลกระทบทางการเมืองอย่างรุนแรงต่อปูติน และยูเครนต้องคิดให้รอบคอบในหลายๆ ด้านเนื่องจากอาจเป็นทางเลือกที่ผิด อย่างไรก็ตาม สำหรับตอนนี้รัสเซียยังเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างโกลาหลและน่าอับอายในสายตาชาวโลก