รัสเซียแถลงในวันอาทิตย์ (12 พ.ค.) ว่า สามารถยึดหมู่บ้านเพิ่มได้อีก 4 แห่งในแคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน หลังจากยึดได้แล้ว 5 แห่งเมื่อวันเสาร์ (11) ขณะที่มีชาวบ้านหลายพันคนอพยพออกมาจากพื้นที่ชายแดนในแคว้นแห่งนี้ ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่หลายรายของเคียฟ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียซึ่งเป็นผู้ประกาศการยึดหมู่บ้านได้รวม 9 แห่งในคาร์คิฟในเวลา 2 วันต่อเนื่องกันคราวนี้ ระบุว่า กองทหารของตนได้ “เดินหน้าบุกลึกเข้าไปในแนวป้องกันของข้าศึก”
ทางด้านผู้บัญชาการทหารบกยูเครนแถลงยอมรับว่า สถานการณ์ “อยู่ในสภาพสลับซับซ้อน” แต่กองกำลังของเขาสามารถลงแรงผลักดันการบุกของฝ่ายรัสเซียให้ถอยกลับไปได้
ขณะที่ โอเลค ซีเนกูบอฟ ผู้ว่าการแคว้นคาร์คิฟ กล่าวว่า“พื้นที่ทั้งหมดของบริเวณชายแดนภาคเหนือ (ในแคว้นคาร์คิฟ) ต่างตกอยู่ใต้การระดมยิงของข้าศึกแทบตลอด 24 ชั่วโมง สถานการณ์อยู่ในภาวะยากลำบาก”
“จำนวนของชุมนุมชนที่เกิดการสู้รบกันระหว่างปรปักษ์อย่างแข็งขันนั้นกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ” เขากล่าวต่อ
ก่อนหน้านั้น ซีเนกูบอฟ โพสต์ข้อความนี้ทางโซเชียลมีเดียในวันอาทิตย์ (12) ว่า มีประชาชนรวมแล้ว 4,073 คนที่ต้องอพยพออกมาจากบริเวณชายแดน ส่วนสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานวันเดียวกันว่า พบเห็นผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ถูกอพยพออกมาจากเมืองโวฟชานสก์ ซึ่งเป็นเมืองชายแดน ส่วนใหญ่เป็นคนชราและคนพิการทางร่างกายหรือจิตใจ
เมื่อวันเสาร์ (11) กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า กองทัพรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้าน 5 แห่งที่อยู่ติดกับพรมแดนรัสเซีย ได้แก่ บอริซิฟกา โอกีร์ตเซเว เพลเทนิฟกา พิลนา และสตริเลชา ตลอดจนถึงอีกหนึ่งหมู่บ้านในแคว้นโดเนตสก์
ทางด้านกระทรวงกลาโหมยูเครนแถลงเมื่อวันศุกร์ (10) ว่า รัสเซียเข้าโจมตีแคว้นคาร์คิฟโดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้า แต่รุกคืบข้ามแดนมาได้เพียงเล็กน้อย ต่อมาเมื่อคืนวันเสาร์ กองบัญชาการทหารยูเครนเผยว่า กองกำลังภาคพื้นดินของรัสเซียได้รับการสนับสนุนทางอากาศ
ระหว่างการปราศรัยประจำทุกค่ำคืนผ่านทางออนไลน์ของเขาเมื่อคืนวันเสาร์ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี โอ่ว่า กองกำลังยูเครนกำลังโจมตีตอบโต้รัสเซียในหมู่บ้านราว 7 แห่งในแคว้นคาร์คิฟเป็นวันที่ 2 และสำทับว่า สถานการณ์ในแคว้นโดเนตสก์ก็ยากลำบากอย่างยิ่ง นอกจากนี้ เซเลนสกียังเรียกร้องให้พันธมิตรเร่งจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนตามที่รับปากไว้
ด้านซีเนกูบอฟ โพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันเสาร์ว่า การโจมตีทางอากาศของรัสเซียทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 2 คนในเมืองโวฟชานสก์ ใกล้กับชายแดน
เจ้าหน้าที่ในเคียฟเตือนมาหลายสัปดาห์แล้วว่า มอสโกอาจพยายามโจมตีพื้นที่ชายแดนด้านตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน โดยอาศัยความได้เปรียบจากการที่ยูเครนขาดแคลนกำลังพลและอาวุธเนื่องจากความล่าช้าในการจัดส่งของตะวันตก
ขณะที่พวกบล็อกเกอร์ทางทหารของรัสเซียระบุว่า การโจมตีล่าสุดอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามของรัสเซียในการสร้างเขตพื้นที่กันชนเพื่อสกัดการโจมตีของยูเครนต่อแคว้นเบลโกร็อด และเมืองชายแดนอื่นๆ ของรัสเซีย ตามที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศตั้งแต่เมื่อต้นปี
กระนั้น ยังมีความกังวลกันมากขึ้นเช่นกันว่า รัสเซียอาจถึงขั้นตัดเส้นทางการจัดส่งเสบียงและเข้ายึดเมืองคาร์คิฟ
ทว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนพยายามลดกระแสความกังวลดังกล่าว โดย ซีเนกูบอฟยืนยันว่า ไม่มีภัยคุกคามจากปฏิบัติการภาคพื้นดินของรัสเซียในเมืองคาร์คิฟ และไม่จำเป็นต้องอพยพประชาชนราว 1.3 ล้านคนที่ยังคงอาศัยอยู่ในเมืองนี้แม้มีการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนเป็นประจำก็ตาม
ทั้งนี้ แคว้นคาร์คิฟอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครนเป็นส่วนใหญ่นับจากเดือนกันยายน 2022
โอลิเวียร์ เคมฟ์ ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารที่เป็นผู้ช่วยนักวิชาการของมูลนิธิเพื่อการวิจัยทางยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า ปฏิบัติการภาคพื้นดินของรัสเซียมีแนวโน้มสูงสุดว่า มีเป้าหมายในการสร้างพื้นที่กันชนใกล้แคว้นเบลโกร็อดที่เมื่อเร็วๆ นี้ถูกกองกำลังโปรยูเครนบุก หรือเพื่อให้ยูเครนต้องแบ่งทรัพยากรออกไปจากแคว้นโดเนตสก์
เคมฟ์สำทับว่า ช่วง 24 ชั่วโมงภายหลังรัสเซียเริ่มต้นปฏิบัติการ สถานการณ์ดูไม่เหมือนเป็นปฏิบัติการใหญ่
เอเอฟพีรายงานว่า วอชิงตันประกาศแพกเกจความช่วยเหลือทางทหารล็อตใหม่มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ให้เคียฟหลังปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มต้นขึ้น และแสดงความเชื่อมั่นว่า ยูเครนสามารถขับไล่การรุกคืบของรัสเซียได้
ขณะเดียวกัน กองกำลังยูเครนได้โจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซียและดินแดนที่รัสเซียยึดครองในยูเครนหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน
คณะบริหารโดเนตสก์ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนรัสเซีย เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ยูเครนยิงขีปนาวุธโจมตีร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครนที่รัสเซียควบคุมอยู่ โดยใช้ระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ของอเมริกา ทำให้ลูกค้า 2 คน และพนักงาน 1 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บ 9 คน
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)
