รัสเซียเมื่อวันเสาร์ (10 ส.ค.) ได้สั่งอพยพประชาชนหลายหมื่นคนออกจากภูมิภาคต่างๆ ตามแนวชายแดน และเปิดปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในความพยายามสกัดการจู่โจมครั้งใหญ่ของยูเครน
ขณะเดียวกัน ทางมอสโกได้ส่งเสียงเตือนว่าการสู้รบในแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย กำลังก่ออันตรายแก่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งหนึ่ง
กำลังพลของยูเครนบุกจู่โจมข้ามชายแดนรัสเซียเมื่อตอนเช้าวันอังคาร (6 ส.ค.) ในสิ่งที่เรียกว่าเป็นปฏิบัติการจู่โจมครั้งใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จที่สุดของเคียฟ ในความขัดแย้งที่ลากยาวมานานกว่า 2 ปีครึ่ง
ทหารยูเครนรุกคืบเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร บีบให้ทางรัสเซียต้องรุดเสริมกำลังและเพิ่มเติมยุทโธปกรณ์ แต่ยังไม่มีฝ่ายไหนออกมาให้รายละเอียดที่แน่ชัดเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ออกมาให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำสั่งอพยพพลเรือนออกจากเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับเขตสู้รบ "มีชาวบ้านมากกว่า 76,000 คน ถูกย้ายถิ่นฐานชั่วคราวไปยังสถานที่ปลอดภัย" สำนักข่าวทาสส์นิวส์ สื่อมวลชนแห่งรัฐรายงาน
รายงานข่าวระบุว่าความช่วยเหลือฉุกเฉินถูกไหลบ่าไปยังพื้นที่ตามแนวชายแดน และมีการเพิ่มขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษสำหรับมุ่งหน้าสู่กรุงมอสโก เพื่อรองรับประชาชนที่หลบหนีการสู้รบ
เคียฟยังคงปิดปากเงียบต่อปฏิบัติการจู่โจมในครั้งนี้ และเป็นเวลาหลายวันแล้วที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เพียงแค่พาดพิงอย่างอ้อมๆ ถึงการสู้รบบริเวณดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างกล่าวปราศรัยในช่วงค่ำวันเสาร์ (10 ส.ค.) เซเลนสกี ได้อ้างถึงคำบรรยายสรุปของนายพลโอเล็กซานดร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการกองทัพ เกี่ยวกับสถานการณ์ในแนวหน้า ที่บอกว่า "ปฏิบัติการต่างๆ ของเรากำลังผลักสงครามย้อนกลับสู่ดินแดนผู้รุกราน"
กองทัพรัสเซียในวันเสาร์ (10 ส.ค.) ยืนยันว่าพวกเขายังคงกำลังสู้รบสกัดการรุกรานของยูเครนเป็นวันที่ 5 พร้อมเผยว่าเบื้องต้นกองกำลังเคียฟข้ามชายแดนเข้ามา ด้วยกำลังพล 1,000 นาย ยานเกราะ 20 คัน และรถถัง 11 คัน แต่จนถึงวันเสาร์ (10 ส.ค.) ยุทโธปกรณ์เหล่านี้ถูกทำลายไปแล้วจำนวนมาก
คณะกรรมการต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติของรัสเซีย ระบุในช่วงค่ำวันศุกร์ (9 ส.ค.) ได้เริ่มปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งในแคว้นเบลโกรอด เบรียนสก์ และคูร์สก์ เพื่อปกป้องพลเรือน
กองกำลังด้านความมั่นคงและกองทัพจะมีอำนาจอย่างกว้างขวางระหว่างปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้าย ความเคลื่อนไหวต่างๆ จะถูกจำกัด เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดรถยนต์ต้องสงสัย ตรวจสอบสายโทรศัพท์โทร.เข้าและโทร.ออก กำหนดพื้นที่หวงห้าม จัดตั้งด่านตรวจ และยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยตามที่ตั้งโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ
คณะกรรมการต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติของรัสเซีย ระบุว่ายูเครนยกระดับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในความพยายามบั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาคต่างๆ ของเรา
ในวันศุกร์ (9 ส.ค.) ดูเหมือนรัสเซียจะลงมือตอบโต้ ยิงขีปนาวุธลูกหนึ่งใส่ซูเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่ง ในเมืองคอสต์ยานตีนิฟคา ทางตะวันออกของยูเครน สังหารผู้คนไปอย่างน้อย 14 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 3 ราย ที่เสียชีวิตในแคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ยูเครนเปิดเผยเช่นกันว่าพวกเขาได้อพยพประชาชน 20,000 คน ออกจากแคว้นซูมี ซึ่งตั้งฝั่งตรงข้ามชายแดนกับแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย
ขณะเดียวกัน เบลารุส พันธมิตรใกล้ชิดของรัสเซีย ในวันเสาร์ (10 ส.ค.) ออกคำสั่งให้เสริมกำลังพล ทั้งทหารราบ ทหารอากาศ หน่วยป้องกันภัยทางอากาศและระบบจรวด เข้าประจำการใกล้ชายแดนคิดกับยูเครน ตอบสนองรับมือการรุกรานของยูเครน จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมเบลารุส
(ที่มา : เอเอฟพี)