xs
xsm
sm
md
lg

ขายความกระชุ่มกระชวย!! แฮร์ริสประเดิมเวทีแรกจัดหนักขยี้ทรัมป์‘อาชญากร’ ขณะโพลล่าสุดยังชี้ว่าเธอมีคะแนนเหนือกว่าเล็กน้อย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ปราศรัยหาเสียงเมื่อวันอังคาร (23 ก.ค.) ที่เมืองเวสต์แอลลิส ชานเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ในฐานะเป็นตัวเก็งที่จะได้เป็นผู้สมัครของพรรคเดโมแครต เข้าชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน
โพลล่าสุดชี้ กมลา แฮร์ริส มีคะแนนนำ โดนัลด์ ทรัมป์ เล็กน้อยในผลสำรวจทั่วประเทศ ขณะที่รองประธานาธิบดีหญิงผู้นี้ประเดิมหาเสียงครั้งแรกในฐานะตัวเก็งที่จะเป็นผู้สมัครของพรรคเดโมแครต ด้วยการเปรียบเทียบภูมิหลังของตนเองในฐานะที่เคยเป็นอัยการรัฐแคลิฟอร์เนีย กับอดีตประธานาธิบดีซึ่งเป็นผู้ถูกศาลตัดสินแล้วว่ากระทำผิดคดีอาญาร้ายแรง พร้อมโจมตีว่าเขาจะนำพาอเมริกาถอยหลังลงคลอง

โพลสำรวจความคิดเห็นอเมริกันชนทั่วประเทศของรอยเตอร์/อิปซอสส์ ที่เผยแพร่ในวันอังคาร (23 ก.ค.) โดยจัดทำขึ้นในวันจันทร์ (22) และวันอังคาร (23) หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศถอนตัวจากการลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยสอง พร้อมรับรองรองประธานาธิบดีแฮร์ริส รับไม้ต่อเมื่อวันอาทิตย์ (21) พบว่า แฮร์ริสมีคะแนนนำทรัมป์ แคนดิเดตของพรรครีพับลิกัน 44% ต่อ 42%

เทียบกับผลสำรวจของโพลสำนักเดียวกันนี้ในสัปดาห์ที่แล้วก่อนหน้าไบเดนประกาศถอนตัว ซึ่งไบเดนตามหลังทรัมป์อยู่ 2 % ขณะเดียวกันผลการเปรียบเทียบคะแนนนิยมระหว่างแฮร์ริส วัย 59 ปี กับทรัมป์ วัย 78 ปี ซึ่งเวลานี้กลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุดนั้น ทั้งคู่ต่างได้คะแนน 44% เท่ากัน

อย่างไรก็ดี ในโพลของพีบีเอส นิวส์/เอ็นพีอาร์/มาริสต์ ที่จัดทำขึ้นในวันจันทร์ (22) พบว่า ทรัมป์นำแฮร์ริส 46% ต่อ 45% โดยที่อีก 9% ยังไม่ตัดสินใจ แต่หากมีผู้สมัครจากพรรคที่สามหรือผู้สมัครอิสระลงแข่งด้วย ทรัมป์และแฮร์ริสมีคะแนนเท่ากันที่ 42%

โพลของพีบีเอสยังพบว่า ชาวอเมริกัน 87% คิดว่า การถอนตัวของไบเดนเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

ผู้ตอบแบบสำรวจ 41% บอกด้วยว่า การตัดสินใจของไบเดนเพิ่มโอกาสที่เดโมแครตจะชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน เทียบกับ 24% ที่คิดกลับกัน และ 34% ไม่เห็นความแตกต่าง

นอกจากนั้นยังมีโพลของรีลเคลียร์โพลิติกส์ ซึ่งให้ทรัมป์มีคะแนนนำแฮร์ริส 1.6%

ในวันเดียวกับที่มีการเผยแพร่โพลเหล่านี้เมื่อวันอังคาร (23) แฮร์ริสได้ขึ้นเวทีหาเสียงครั้งแรกนับจากมีรายงานว่าเธอได้คะแนนสนับสนุนจากพวกตัวแทนเดโมแครตจนเกินพอแล้ว สำหรับการได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครของพรรคลงศึกชิงทำเนียบขาวเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยปรากฏว่ารองประธานาธิบดีหญิงที่มีบิดาเป็นคนผิวดำและมารดาเป็นชาวอินเดียผู้นี้ ไม่รอช้าที่จะโจมตีทรัมป์อย่างหนักหน่วง พร้อมประกาศแนวนโยบายหากได้รับเลือกตั้ง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงการสนับสนุนกึกก้องในเวทีปราศรัยที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน หนึ่งในสนามเลือกตั้งสำคัญ อีกทั้งเป็นเมืองเดียวกับที่ทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างการประชุมใหญ่พรรคเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักมีชีวิตชีวาซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการปราศรัยของไบเดนที่บ่อยครั้งตะกุกตะกักและดูไร้เรี่ยวแรง แฮร์ริสประกาศว่า ทรัมป์พยายามทำให้อเมริกาถอยหลัง พร้อมถามฝูงชนว่า ต้องการอยู่ในประเทศที่มีเสรีภาพ ความเอื้ออาทร และหลักนิติธรรม หรือประเทศที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย หวาดกลัว และเกลียดชัง

ทั้งนี้ ขณะที่ไบเดนโจมตีทรัมป์ว่าเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย แต่แฮร์ริสเลือกโจมตีโดยกำหนดเป้าหมายเฉพาะตัวมากขึ้น ด้วยการเปรียบเทียบภูมิหลังของตนเองในฐานะอัยการรัฐแคลิฟอร์เนียที่ต้องต่อกรกับ “นักล่าเหยื่อ” และ “นักต้มตุ๋น” กับทรัมป์ที่เป็นผู้เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกาที่ถูกศาลตัดสินว่ากระทำผิดคดีอาญาร้ายแรง

แฮร์ริสยังเน้นชัดเจนยิ่งขึ้นในประเด็นสิทธิการทำแท้ง โดยกล่าวหาทรัมป์พยายามแบนการทำแท้ง ขณะที่เดโมแครตเห็นว่า ผู้หญิงควรมีสิทธิ์ตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐเป็นผู้ชี้นิ้วบงการ ทั้งนี้ถึงแม้เห็นกันกว้างขวางว่าประเด็นนี้จะเรียกเสียงสนับสนุนได้มากจากผู้ออกเสียงที่เป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ ทว่าที่ผ่านมาไบเดนซึ่งเป็นชาวคาทอลิก ที่เป็นนิกายศาสนาคริสต์ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง จึงมีความลำบากใจที่จะหยิบยกเรื่องนี้มาหาเสียง

ในทางกลับกัน หลังไบเดนถอนตัว แคมเปญหาเสียงของทรัมป์ดูจะอยู่ในอาการชุลมุนวุ่นวาย เหมือนยังปรับจูนกันใหม่ไม่ลงตัว

อย่างไรก็ดี อดีตประธานาธิบดีผู้นี้ยืนกรานว่า สามารถเอาชนะแฮร์ริสได้ง่ายดายกว่าการเอาชนะไบเดนด้วยซ้ำ ขณะที่ทีมหาเสียงของเขาสำทับว่า แฮร์ริสเป็นแค่ตัวแทนของไบเดนที่จะสานต่อนโยบายเศรษฐกิจและคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีวัย 81 ปีผู้นี้ดิ่งลง

ทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์ว่า ต้องการดีเบตกับแฮร์ริสมากกว่าหนึ่งรอบ

กระนั้น มีสัญญาณว่า ทรัมป์ดูไม่สบอารมณ์ที่ต้องแข่งกับแฮร์ริสที่อายุน้อยกว่าตัวเองมาก แทนที่จะได้ต่อสู้กับประธานาธิบดีเฒ่าอย่างไบเดน โดยนับจากไบเดนถอนตัว ทรัมป์ออกมาพูดสองครั้งสองหนว่า การดีเบตรอบสองควรย้ายไปจัดที่ฟ็อกซ์ นิวส์ ซึ่งเป็นมิตรกับตนเองมากกว่า แทนที่จะให้เอบีซี นิวส์เป็นผู้จัดการตามข้อตกลงเดิมที่ทำกับไบเดน

แฮร์ริสสามารถทำให้ตัวเองอยู่ในฐานะได้เปรียบกว่าผู้ปรารถนาเป็นแคนดิเดตของเดโมแครตคนอื่นๆ อย่างชัดเจน จากการที่ภายในเวลาเพียง 36 ชั่วโมงหลังจากไบเดนประกาศยุติการลงเลือกตั้ง เธอก็รวบรวมเสียงสนับสนุนของพวกตัวแทนพรรคได้เพียงพอแก่การได้รับเสนอชื่อเป็นผู้สมัครของพรรค ณ ที่ประชุมใหญ่เดโมแครตซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นเดือนสิงหาคมนี้

ขณะเดียวกันในวันอังคาร ผู้นำเดโมแครตในคองเกรส ทั้ง ชัค ชูเมอร์ ที่เป็นผู้นำเสียงข้างหน้าในวุฒิสภา และฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร ต่างออกมาประกาศสนับสนุนแฮร์ริสแล้วหลังจากนิ่งเฉยมาสองวัน

จอร์จ คลูนีย์ นักแสดงระดับท็อปของฮอลลีวูด ที่เมื่อต้นเดือนนี้เป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวสนับสนนเดโมแครตคนสำคัญที่ออกมาเรียกร้องให้ไบเดนถอนตัวนั้น ก็ประกาศสนับสนุนแฮร์ริสแล้วเช่นเดียวกัน

ทีมหาเสียงของแฮร์ริสยังเผยว่า สามารถระดมทุนสนับสนุนได้ 100 ล้านดอลลาร์นับจากประกาศลงศึกชิงทำเนียบขาว โดย 62% ของเงินจำนวนนี้มาจากผู้บริจาคครั้งแรก

ทางด้านไบเดนที่เดินทางกลับสู่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร หลังกักตัวที่บ้านพักริมทะเลในเดลาแวร์นานเกือบสัปดาห์เนื่องจากติดโควิด-19 นั้น เผยว่า จะออกมาแถลงเกี่ยวกับการตัดสินใจถอนตัวของเขาในวันพุธ (24) ตามเวลาในสหรัฐฯ

(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น