โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เตรียมปราศรัยแจกแจงให้ชาวอเมริกันได้เห็นว่ารองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ซึ่งมีแนวโน้มจะคว้าตั๋วผู้แทนพรรคเดโมแครตต่อจาก โจ ไบเดน มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย และวิกฤตค่าครองชีพสูงในอเมริกา ซึ่งเป็นสองประเด็นหลักๆ ที่เขาใช้หาเสียงเพื่อทวงคืนทำเนียบขาวในศึกเลือกตั้ง 5 พ.ย.นี้
แหล่งข่าวในทีมหาเสียง ทรัมป์ แย้มกับรอยเตอร์ว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ มีแผนที่จะตราหน้า แฮร์ริส ว่าเป็นเสมือน “นักบินผู้ช่วย” ของ ไบเดน ที่อยู่เบื้องหลังการกำหนดนโยบายที่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกัน
พวกเขาบอกด้วยว่า ทีมงาน ทรัมป์ เตรียมพร้อมมานาน “หลายสัปดาห์” แล้วเพื่อที่จะเบนเข็มมาสู้กับ แฮร์ริส ได้ทันที หากว่า ไบเดน ตัดสินใจถอนตัว และรองประธานาธิบดีหญิงเชื้อสายอินเดียผู้นี้คว้าตั๋วผู้แทนพรรคเดโมแครตคนใหม่
ทรัมป์ เองได้ให้สัมภาษณ์กับ CNN ภายหลังจากที่ ไบเดน ประกาศถอนตัวไม่ลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ เมื่อบ่ายวานนี้ (21) โดยกล่าวว่า “แฮร์ริส จะเป็นคนที่ผมเอาชนะได้ง่ายกว่า โจ ไบเดน เสียอีก”
ทีมหาเสียง ทรัมป์ ได้ส่งสัญญาณแล้วว่าจะพยายามผูกโยง แฮร์ริส เข้ากับนโยบายต่างๆ ของ ไบเดน ให้ “แน่น” ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้เธอถูกมองว่ามีส่วนต้องรับผิดชอบกับตัวเลขผู้อพยพผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้าสหรัฐฯ ผ่านทางพรมแดนเม็กซิโกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากภายใต้รัฐบาลชุดนี้ ส่วนประเด็นที่ 2 ก็คือปัญหาเศรษฐกิจ โดยโพลหลายสำนักพบว่าคนอเมริกันไม่พอใจกับราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ทำให้การซื้อบ้านสักหลังเป็นเรื่องยาก
“เธอคือนักบินผู้ช่วยสำหรับวิสัยทัศน์ของ ไบเดน” ที่ปรึกษา ทรัมป์ คนหนึ่งให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“ก็ถ้าพวกเขาอยากจะเปลี่ยนไปสู่ Biden 2.0 และเลือกยัยกมลาเสียงแหลม (Cackling Kamala) ขึ้นมาเป็นผู้แทนพรรค เราก็ไม่ขัดข้อง”
Make American Great Again Inc ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์สนับสนุน ทรัมป์ ได้สั่งถอดโฆษณาโจมตี ไบเดน ออกจากสื่อโทรทัศน์ทั้งในรัฐแอริโซนา จอร์เจีย เนวาดา และเพนซิลเวเนียเมื่อวานนี้ (21) พร้อมส่งโฆษณาโจมตี แฮร์ริส ขึ้นออกอากาศต่อทันที โดยโฆษณาความยาว 30 วินาทีนั้นกล่าวหาว่า แฮร์ริส พยายามช่วย ไบเดน ปกปิดปัญหาสุขภาพ และยังโทษว่าเธอมีส่วนร่วมกับนโยบายแย่ๆ ทั้งหมดของรัฐบาลชุดนี้
“กมลา รู้ดีว่า โจ ทำงานไม่ไหว เธอก็เลยทำแทน มาดูกันว่าเธอทำอะไรลงไปบ้าง: ผู้อพยพรุกรานชายแดน, เงินเฟ้อพุ่งสูงจนฉุดไม่อยู่ ความฝันอเมริกันตายสนิท” เสียงผู้บรรยายกล่าว
พรรคเดโมแครตยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร และก็ยังไม่มีอะไรการันตีว่า แฮร์ริส จะได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ของพรรคในเดือน ส.ค.นี้ แม้ว่า ไบเดน จะหนุนหลังเธอก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ชี้ว่า แฮร์ริส วัย 59 ปี อาจทำให้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยการที่เธอเป็นสตรีผิวสีและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่ลงแข่งขันกับ ทรัมป์ จะเป็นภาพสะท้อนความแตกต่างทั้งในแง่ของวัยและวัฒนธรรมอย่างชัดเจน อีกทั้งสหรัฐอเมริกาก็ยังไม่เคยเลือกผู้หญิงขึ้นเป็นประธานาธิบดีเลยแม้แต่คนเดียวตลอดประวัติศาสตร์ 248 ปีที่ผ่านมา
โรเดลล์ มอลลิโน นักยุทธศาสตร์สายเดโมแครตและที่ปรึกษาของสภาคองเกรส ชี้ว่า แฮร์ริส จะทำให้การรณรงค์หาเสียงมีพลัง และสร้างความตื่นตัวให้กลุ่มคนรุ่นใหม่และคนผิวสีที่เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรค นอกจากนี้การเป็นอดีตอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียและอดีต ส.ว. ก็ยังช่วยให้ แฮร์ริส “สามารถใช้ประสบการณ์หลายปีของเธอตัดสินลงโทษ ทรัมป์ ในศาลแห่งความคิดเห็นของประชาชน”
ชิป เฟลเคล นักยุทธศาสตร์ฝั่งรีพับลิกัน ก็ออกมาเตือนทีมงาน ทรัมป์ เช่นกันว่าอย่าได้ดูเบา แฮร์ริส ว่าเป็นเพียงแค่ “ตัวแทนไบเดน” เพราะเธออาจมีศักยภาพในการดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ต่างออกไป
จีเน็ตต์ ฮอฟฟ์แมน ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองของรีพับลิกัน มองว่าถึงแม้ แฮร์ริส อาจจะเป็นผู้แทนเดโมแครตที่เข้ามาสร้างความแตกต่าง ทว่าความใกล้ชิดกับ ไบเดน ก็อาจเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งคะแนนนิยมของเธอ
“แฮร์ริส ไม่ได้เป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลงที่อเมริกากำลังมองหา” ฮอฟฟ์แมน กล่าว
ผลสำรวจโดยรอยเตอร์/อิปซอสซึ่งจัดทำระหว่างวันที่ 15-16 ก.ค.ที่ผ่านมาพบว่า กมลา แฮร์ริส กับ โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนิยมในระดับพอฟัดพอเหวี่ยงอยู่ที่ 44% เท่ากัน
ที่มา : รอยเตอร์