ผ่อนคลายชั่วคราว?? ‘ทรัมป์’ ปรับโทนหาเสียงเรียกร้องอเมริกันชนสามัคคี ‘ไบเดน’ ขอทุกฝ่ายเย็นลง-สั่งคุมเข้มความปลอดภัย

ทรัมป์เรียกร้องความสามัคคีในวันอาทิตย์ (14 ก.ค.) 1 วันหลังถูกลอบยิงขณะกล่าวปราศรัย ที่ทำให้การหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไร้ความแน่นอนมากขึ้น ขณะที่ไบเดนออกมาแถลงในวันเดียวกัน ขอให้คนอเมริกัน “เย็นลง” และ “แก้ไขความเห็นต่างผ่านบัตรเลือกตั้ง” พร้อมสั่งตรวจสอบทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันซึ่งกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ (15) เพื่อรับรองเสนอชื่อทรัมป์เป็นผู้สมัครของพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งต้นเดือนพฤศจิกายนนี้อย่างเป็นทางการ

คำแถลงจากคู่แข่งทั้งสองพรรคในวันอาทิตย์ ภายหลังเกิดเหตุการณ์พยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อตอนค่ำวันเสาร์ (13) ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดผ่อนคลายลงอย่างน้อยชั่วคราว ก่อนที่การหาเสียงถูกคาดหมายว่า จะกลับมาร้อนแรงเต็มพิกัดอีกครั้งเมื่อการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันเริ่มต้นขึ้นในเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน

อนึ่ง จนถึงวันอาทิตย์ (14) แรงจูงใจของมือปืนยังคงเป็นปริศนา โดยเจ้าหน้าที่สอบสวนเชื่อว่า เขาลงมือตามลำพังก่อนถูกเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาผู้นำสหรัฐฯ (Secret Service) กระทำวิสามัญฆาตกรรม

นอกจากเรียกร้องให้อเมริกันชนใจเย็นแล้ว ในวันเดียวกันนั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังสั่งให้ตรวจสอบทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยการประชุมใหญ่รีพับลิกันและมาตรการรักษาความปลอดภัยในตอนที่เกิดเหตุการณ์ลอบยิงทรัมป์ ซึ่งทำให้ผู้ฟังปราศรัยเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บสาหัส 2 คน รวมทั้งจุดชนวนคำถามว่า เหตุใดมือปืนจึงสามารถซุ่มยิงจากหลังคาโรงงานที่อยู่ห่างจากเวทีปราศรัยในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เพียง 150 เมตร ซึ่งขณะนี้สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) กำลังสอบสวนคดีนี้โดยระบุว่า อาจเป็นการก่อการร้ายภายในประเทศ

ทางด้านทรัมป์ ว่าที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนั้น เผยว่า ใบหูขวาถูกกระสุนเจาะ อย่างไรก็ดี เขาเดินทางถึงเมืองมิลวอกีตั้งแต่ค่ำวันอาทิตย์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมใหญ่รีพับลิกัน

ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับสื่อวอชิงตัน เอ็กแซมมิเนอร์ว่า ได้ร่างคำปราศรัยสำหรับการประชุมพรรคเสียใหม่เพื่อเน้นย้ำเกี่ยวกับเอกภาพของประเทศมากกว่านโยบายของไบเดน

นอกจากนั้น เขายังโพสต์บนเว็บไซต์โซเชียลมีเดียของตัวเองว่า นาทีนี้สิ่งที่สำคัญอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนคือการยืนหยัดสามัคคีและแสดงความเป็นอเมริกันที่แท้จริง คงความเข้มแข็ง เด็ดขาด และไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อปีศาจ

ทางด้านไบเดนปราศรัยช่วงไพรม์ไทม์วันอาทิตย์เช่นเดียวกัน โดยเรียกร้องประชาชนให้ถกเถียงกันอย่างสุภาพและมีเหตุผล และย้ำว่า อเมริกาไม่ยอมรับความรุนแรงทุกรูปแบบ และจะไม่ยอมให้ความรุนแรงเช่นที่เกิดขึ้นกับทรัมป์กลายเป็นเหตุการณ์ปกติ

นอกจากนั้น ไบเดนยังเผยว่า ได้พูดคุยกันช่วงสั้นๆ กับทรัมป์เมื่อคืนวันเสาร์ ซึ่งการสนทนาเป็นไปด้วยดี

สำหรับเหตุการณ์การพยายามลอบสังหารทรัมป์นั้น เอฟบีไอระบุว่า มือปืนคือ โทมัส ครุกส์ วัย 20 ปี อาศัยอยู่ที่เมืองเบเธลพาร์ค รัฐเพนซิลเวเนีย ห่างจากสถานที่เกิดเหตุราว 80 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่ 2 คนจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเปิดเผยว่า มือปืนใช้ปืนไรเฟิลจู่โจม เออาร์ 15 ของพ่อเป็นอาวุธ โดยปีนขึ้นไปหลบอยู่บนหลังคาโรงงานใกล้กับเวที ก่อนที่ผู้ฟังปราศรัยบางคนจะมองเห็นและชี้ให้เจ้าหน้าที่ดู

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ปีนขึ้นไปและเจอครุกส์กำลังเล็งปืนใส่ต้องปีนกลับลงมา และระหว่างนั้นเองที่มือปืนรีบลั่นกระสุนโดยเล็งไปที่ทรัมป์ และถูกมือซุ่มยิงของหน่วยซีเคร็ตเซอร์วิส ซึ่งประจำอยู่กับทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์อยู่แล้ว ปลิดชีพทันที

ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ระบุว่า พบวัตถุสำหรับทำระเบิดทั้งในรถยนต์ของครุกส์ และที่บ้านซึ่งเขาพำนักอยู่กับพ่อแม่ รวมทั้งพยายามสืบค้นจากบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาเพื่อค้นหาแรงจูงใจ ทว่า ไม่พบข้อความหรือโพสต์ข่มขู่ หรือการติดต่อสื่อสารที่บ่งชี้ถึงอุดมการณ์ทางการเมืองใดๆ

การโจมตีครั้งนี้เป็นความพยายามลอบสังหารประธานาธิบดี หรือผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รุนแรงที่สุดนับจากที่โรนัลด์ เรแกน ถูกลอบยิงเมื่อปี 1981 และยังจุดชนวนความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับความรุนแรงทางการเมืองในอเมริกาที่มีการแบ่งขั้วร้าวลึกในขณะที่เหลืออีกเพียงไม่ถึง 4 เดือนก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

(ที่มา : เอพี, เอเจนซีส์)