หน่วยอารักขาผู้นำสหรัฐฯ หรือ Secret Service กำลังสอบเข้มว่า มือปืนพร้อมอาวุธปืนไรเฟิลจู่โจม ทำไมจึงสามารถเข้าไปแอบซุ่มในระยะที่ยิงทรัมป์ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อเย็นวันเสาร์ (13 ก.ค.) ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวใหญ่หลวงสำหรับหนึ่งในภารกิจหลักของหน่วยงานนี้ ขณะที่มีเสียงเรียกร้องจากทุกฝ่ายให้สอบสวนเรื่องนี้ให้กระจ่าง
มือปืนที่ทางสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุในวันอาทิตย์ (14) ว่าชื่อ โธมัส แมตธิว ครูกส์ วัย 20 ปี ชาวเมืองเบเธลพาร์ค รัฐเพนซิลเวเนีย สามารถยิงไปที่เวทีหลายนัด จากที่สูงนอกบริเวณสถานที่ปราศรัยหาเสียง ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ซีเคร็ตเซอร์วิสปลิดชีพ
สำนักข่าวเอพีได้วิเคราะห์วิดีโอและภาพนับสิบที่ถ่ายจากสถานที่หาเสียง รวมถึงภาพจากดาวเทียม ซึ่งพบว่า มือปืนสามารถเข้าใกล้เวทีได้อย่างน่าตกใจ โดยที่คลิปหนึ่งที่โพสต์บนโซเชียลและระบุพิกัดโดยเอพีแสดงให้เห็นภาพชายคนหนึ่งสวมชุดพรางสีเทานอนนิ่งอยู่บนหลังคาโรงงานทางทิศเหนือของสนามบัตเลอร์ ฟาร์ม โชว์ ซึ่งเป็นสถานที่ปราศรัยหาเสียงของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในครั้งนี้
จุดที่มือปืนซุ่มอยู่ห่างจากตำแหน่งที่ทรัมป์ยืนไม่ถึง 150 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่นักแม่นปืนสามารถยิงเป้าหมายที่มีขนาดเท่าคนจริง และอันที่จริงเป็นระยะที่กองทัพสหรัฐฯ ใช้เป็นเกณฑ์พื้นฐานในการฝึกทหารใหม่ด้วยปืนไรเฟิลจู่โจมเอ็ม 16 โดยให้ยิงใส่เป้าขนาดเท่าคนจริง โดยที่ปืนไรเฟิล เออาร์-15 ที่มือปืนใช้ คือปืนกึ่งอัตโนมัติเวอร์ชันพลเรือนของเอ็ม-16 ของกองทัพ
เควิน โรเจ็ค เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ ยอมรับในการแถลงข่าวว่า ตามการประมวลสถานการณ์จนถึงตอนนี้สรุปว่า พวกหน่วยบังคับใช้กฎหมายไม่ทราบเลยว่ามีมือปืนแอบอยู่บนหลังคาของอาคารดังกล่าว จนกระทั่งเขาเริ่มยิง พร้อมกับกล่าวว่ามือปืนทำให้พวกเจ้าหน้าที่เซอร์ไพรส์ที่สามารถยิงไปที่เวที ก่อนที่ตัวเองจะถูกวิสามัญฆาตกรรม
ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย 2 คนเผยว่า ในขณะเกิดเหตุมีสมาชิกทีมต่อต้านมือซุ่มยิงและทีมตอบโต้การโจมตีของหน่วยซีเคร็ตเซอร์วิส ประจำอยู่ในสถานที่หาเสียง
ทั้งนี้ หน่วยตอบโต้การโจมตีเป็นพวกที่ติดอาวุธหนักและมีชื่อรหัสว่า “ฮอว์กอาย” มีหน้าที่กำจัดภัยคุกคามเพื่อให้เจ้าหน้าที่อื่นๆ สามารถปกป้องและนำบุคคลในการอารักขาไปยังสถานที่ปลอดภัย ส่วนทีมต่อต้านการซุ่มยิงหรือ “เฮอร์คิวลีส” จะใช้กล้องส่องทางไกลตรวจตราและมีปืนไรเฟิลสำหรับซุ่มยิงเพื่อจัดการกับภัยคุกคามระยะไกล สมาชิกของทีมงานเหล่านี้เดินทางไปทุกหนทุกแห่งพร้อมกับประธานาธิบดี และผู้ได้รับเสนอชื่อจากพรรคการเมืองใหญ่ๆ
อเลฮานโดร มายอร์แคส รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ แถลงว่า ทางกระทรวงและหน่วยงานอารักขาผู้นำกำลังดำเนินการร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อสอบสวนคดีการลอบสังหารทรัมป์ พร้อมยืนยันว่า การรักษาความปลอดภัยผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและกิจกรรมการหาเสียงเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่สุดของกระทรวง
มายอร์แคสยังประณามเหตุการณ์รุนแรงนี้ และชมเชยหน่วยซีเคร็ตเซอร์ซิสที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และสำทับว่า ได้ประสานงานกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทรัมป์ และทีมหาเสียงของทั้งคู่ และยืนยันว่า จะดำเนินการมาตรการทั้งหมดเพื่อรับประกันการรักษาความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม มีเสียงเรียกร้องจากทุกฝ่ายให้เปิดการสอบสวนกรณีนี้
เจมส์ โคเมอร์ ประธานคณะกรรมาธิการกำกับตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เผยว่า ได้ติดต่อหน่วยซีเคร็ตเซอร์วิสเพื่อขอให้บรรยายสรุป และเร็วๆ นี้จะส่งจดหมายเชิญ คิมเบอร์ลี ชีเทิล ผู้อำนวยการหน่วยงานนี้ไปให้การอย่างเป็นทางการ
โคเมอร์แถลงว่า ความรุนแรงทางการเมืองทุกรูปแบบไม่ใช่วิถีของอเมริกันชนและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเสริมว่า มีคำถามมากมายที่คนอเมริกันต้องการคำตอบ
ด้าน โทนี เอเวอร์ส ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซินจากพรรคเดโมแครต โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ตนและเจ้าหน้าที่รัฐกำลังติดต่อกับผู้ประสานงานการวางแผนรักษาความปลอดภัยก่อนที่การประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันจะเริ่มต้นขึ้นในวันจันทร์ (15 ก.ค.) ในเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน
ส่วนเอฟบีไอแถลงว่า จะเป็นแกนนำการสอบสวนคดีลอบสังหารทรัมป์ โดยร่วมมือกับหน่วยซีเคร็ตเซอร์วิส รวมทั้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในท้องถิ่นและในรัฐเพนซิลเวเนีย
ขณะที่เมอร์ริก การ์แลนด์ รัฐมนตรียุติธรรม แถลงว่า กระทรวงจะใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีเพื่อดำเนินการสอบสวนคดีนี้ พร้อมส่งกำลังใจถึงทรัมป์ และผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน รวมทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิต และย้ำว่า กระทรวงจะไม่ยอมรับความรุนแรงทุกรูปแบบ ก่อนทิ้งท้ายว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นล่าสุดเป็นการโจมตีประชาธิปไตยของอเมริกา
(ที่มา : เอพี)