ไบเดนประกาศลั่น ยืนยันลุยศึกเลือกตั้งต่อจนจบ มั่นใจชนะทรัมป์ได้อีกครั้ง ไม่สนใจแรงกดดันภายในเดโมแครตที่ต้องการให้เขาถอนตัวหลังแพ้ยับเยินบนเวทีดีเบตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่บรรดาผู้ช่วยอาวุโสเชื่อว่า ประธานาธิบดีวัย 81 ปีผู้นี้เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วันในการพิสูจน์ว่าพร้อมไปต่อก่อนที่ความกังวลภายในพรรคจะพุ่งพล่านจนเกินควบคุม
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศชัดเจนต่อหน้าพวกสมาชิกทีมรณรงค์หาเสียงของเขาเมื่อวันพุธ (3 ก.ค.) ว่า จะไม่ถอนตัวจากการเลือกตั้งเด็ดขาด
วุฒิสมาชิกคริส คูนส์ จากรัฐเดลาแวร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรในรัฐสภาที่ใกล้ชิดไบเดนที่สุด ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพี หลังพูดคุยกับไบเดนเมื่อวันอังคาร (3) ว่า ได้คุยกันอย่างตรงไปตรงมาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและสาเหตุที่ไบเดนไม่ได้โชว์ผลงานดีที่สุดในการดีเบตกับโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (27 มิ.ย.) และสำทับว่า ไบเดนเข้าใจดีถึงความเร่งด่วน ความยากลำบากและความสำคัญของการเลือกตั้ง อีกทั้งยังขอคำแนะนำในการฟื้นความเชื่อมั่นและการสนับสนุน
ความพยายามของไบเดนในการกอบกู้โอกาสในการได้รับเลือกตั้งอีกสมัย ซึ่งรวมถึงการพบกับบรรดาผู้ช่วยในทีมหาเสียง การพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับสมาชิกสภาอาวุโสของพรรค การให้สัมภาษณ์เครือข่ายทีวีในช่วงสุดสัปดาห์นี้ บังเกิดขึ้นท่ามกลางสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่า การสนับสนุนตัวเขาทั้งในรัฐสภาและในหมู่พันธมิตรอื่นๆ กำลังเหือดหายอย่างรวดเร็ว
เมื่อคืนวันพุธ (3) ไบเดนยังใช้เวลากว่าชั่วโมงพูดคุยทั้งแบบเห็นหน้าและแบบคุยผ่านออนไลน์กับพวกผู้ว่าการรัฐสังกัดเดโมแครตกว่า 20 คน ซึ่งหลังจากนั้นผู้ว่าการรัฐเหล่านี้แถลงว่า เป็นการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา พร้อมยืนยันว่า จะยังคงให้การสนับสนุนไบเดนแม้ยอมรับว่า กังวลว่าทรัมป์จะเป็นฝ่ายชนะในการเลือกตั้งก็ตาม
อย่างไรก็ดี ราอูล กริจาลวา ส.ส.เดโมแครตจากรัฐแอริโซนา กลายเป็น ส.ส.เดโมแครตรายที่สองซึ่งออกมาเปิดหน้าระบุให้ไบเดนถอยลงจากเวที โดยเขาบอกกับนิวยอร์กไทมส์ว่า แม้ตั้งใจสนับสนุนไบเดนตราบเท่าที่เขายังเป็นแคนดิเดตของพรรค แต่ก็เห็นว่าเวลานี้เป็นโอกาสที่จะมองหาตัวเลือกใหม่ และสิ่งที่ไบเดนต้องทำคือรับผิดชอบในการทำให้ตำแหน่งประธานาธิบดียังคงอยู่กับเดโมแครต ด้วยการถอนตัวไป
ด้าน รีด แฮสติงส์ ผู้ร่วมก่อตั้งเน็ตฟลิกซ์และเป็นผู้บริจาคหนุนพรรคเดโมแครตคนสำคัญคนหนึ่ง ก็เรียกร้องเช่นกันให้ไบเดนถอนตัวเพื่อเปิดทางให้ผู้นำเดโมแครตที่กระฉับกระเฉงและพร้อมกว่าเป็นผู้เอาชนะทรัมป์ เพื่อให้อเมริกาปลอดภัยและมั่งคั่ง
ขณะเดียวกัน ส.ส.จิม ไคลเบิร์น เพื่อนเก่าแก่สนิทสนมของไบเดน บอกว่า เขาสนับสนุนให้จัด “มินิ-ไพรมารี” ก่อนการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตในวันที่ 19 เดือนหน้า ถ้าหากไบเดนถอนตัว เขายังให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ตลอดจนถึงผู้ว่าการรัฐ และสมาชิกพรรคคนอื่นๆ สามารถลงแข่งได้อย่างยุติธรรม
นอกจากนั้น แม้พันธมิตรอื่นๆ ในเดโมแครตยังคงเงียบกริบนับจากการดีเบตเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว แต่เริ่มมีการแสดงความไม่พอใจเป็นการส่วนตัวมากขึ้นเกี่ยวกับการรับมือของทีมหาเสียงของไบเดนภายหลังผลดีเบตออกมาย่ำแย่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เจ้าตัวรออยู่หลายวันกว่าจะออกมาควบคุมความเสียหายโดยตรง ร่วมกับพวกสมาชิกอาวุโสในพรรค
ผู้ช่วยคนหนึ่งในเดโมแครตให้ความเห็นว่า การไม่มีมาตรการตอบสนองใดๆ ออกมาอย่างฉับไว คือความเลวร้ายยิ่งกว่าผลงานของไบเดนบนเวทีเสียอีก และเสริมว่า บรรดาสมาชิกพรรคที่สนับสนุนไบเดนอยากเห็นเขาออกมาแก้ไขข้อกังวลโดยตรงทั้งต่อหน้าผู้สื่อข่าวและพวกผู้มีสิทธิออกเสียง
มีบางคนเสนอว่า แฮร์ริสเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าไบเดนยอมถอนตัว กระนั้น หลายคนที่พูดคุยเป็นการส่วนตัวยอมรับว่า เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย และเกรทเชน วิตเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน เป็นตัวลือกที่เป็นไปได้เช่นเดียวกัน แต่สำหรับคนวงในนั้น แฮร์ริสมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะทำให้พรรคเป็นปึกแผ่นและหลีกเลี่ยงการต่อสู้และความชุลมุนวุ่นวายในการประชุมใหญ่พรรคเดือนหน้า
อย่างไรก็ตาม แม้ถูกกดดันอย่างหนัก แต่ไบเดน และแฮร์ริสกลับสร้างความประหลาดใจด้วยการปรากฏตัวร่วมกันเมื่อวันพุธ (3) ต่อหน้าทีมรณรงค์หาเสียงทั้งหมด และย้ำความสำคัญในการเอาชนะทรัมป์ รวมถึงฟื้นการสนับสนุนและความเชื่อมั่นในตัวไบเดน
ขณะเดียวกัน ระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันพุธ แครีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวตอบคำถามที่ว่า ไบเดนคิดที่จะถอนตัวหรือไม่ โดยยืนยันหนักแน่นว่า “ไม่ อย่างแน่นอน”
ในการแถลงครั้งนี้ ฌอง-ปิแอร์ มุ่งปฏิเสธรายงานข่าวซึ่งนิวยอร์กไทมส์ และซีเอ็นเอ็น ลงตรงกันว่า ไบเดนได้ยอมรับกับพันธมิตรคนสำคัญคนหนึ่งว่า โอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งอีกสมัยหนึ่งของเขาตกอยู่ในความเสี่ยง ถ้าเขาล้มเหลวไม่สามารถทำให้สาธารณชนกลับเชื่อมั่นขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วว่าเขายังคงเหมาะสมที่จะทำงานนี้ต่อไป
กระนั้น สมาชิกและผู้สนับสนุนเดโมแครตจำนวนหนึ่งยังคงแสดงความไม่พอใจคำอธิบายเรื่องผลงานเลวร้ายในการดีเบตของไบเดนจากทั้งสตาฟฟ์ทำเนียบขาว และตัวไบเดนเอง
เดอะ ลีดเดอร์ชิป นาว โปรเจกต์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารธุรกิจ นักวิชาการ และผู้นำทางความคิด ระบุในจดหมายว่า ภัยคุกคามจากการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์ร้ายแรงเพียงพอที่ไบเดนควรส่งไม้ต่อให้สมาชิกเดโมแครตรุ่นใหม่ที่มากความสามารถ ได้ลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแทน
สำหรับทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ ได้ออกคำแถลงโดยตั้งข้อสังเกตว่า สมาชิกเดโมแครตทุกคนที่ตอนนี้ออกมาเรียกร้องให้ไบเดนถอนตัวล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เคยสนับสนุนไบเดนทั้งสิ้น
ขณะที่ผลโพลที่ถูกนำออกเผยแพร่ในช่วงนี้ ต่างแสดงให้เห็นว่า ทรัมป์สามารถทำคะแนนนำห่างไบเดนมากยิ่งขึ้น โดยการสำรวจของนิวยอร์กไทมส์ และเซียนา คอลเลจ ในหมู่ผู้ออกเสียงที่ลงทะเบียนและคาดหมายว่าน่าจะไปลงคะแนน พบว่า ทรัมป์ นำ ไบเดน 49% ต่อ 43% หรือทิ้งห่าง 6% ถือว่าเป็นการนำหน้ามากที่สุดของทรัมป์ในผลสำรวจของนิวยอร์กไทมส์/เซียนา นับตั้งแต่ปี 2015 ทีเดียว และหากพิจารณาจากผู้ออกเสียงที่ลงทะเบียนทั้งหมดด้วยแล้ว การนำของทรัมป์จะเพิ่มเป็น 9%
สำหรับผลโพลของวอลล์สตรีทเจอร์นัล ก็ระบุว่า ทรัมป์นำไบเดนอยู่ 6% เปรียบเทียบกับผลสำรวจของเจ้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทรัมป์นำแค่ 2%
โพลของนิวยอร์กไทมส์/เซียนา ทำช่วงวันที่ 28 มิ.ย.-2 ก.ค. ส่วนของวอลล์สตรีทเจอร์นัล 29 มิ.ย.-2 ก.ค.
(ที่มา : เอพี, รอยเตอร์, เอเอฟพี)