xs
xsm
sm
md
lg

ทนไม่ไหว!! อดีต จนท.สหรัฐฯ กว่า 10 คนร่วมออกคำแถลง ยัน รบ.ไบเดน ‘สมคบ’ ยิวสังหาร-ทรมานชาวกาซา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันจำนวนกว่า 10 คน ออกมากล่าวหาคณะบริหารไบเดน ว่า “สมรู้ร่วมคิดอย่างไม่อาจปฏิเสธได้” ในการสังหารและทำให้ชาวปาเลสไตน์ที่ถูกปิดล้อมในกาซาอดอยากหิวโหย ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง นายกฯ เนทันยาฮูและผู้นำกองทัพอิสราเอลตอบโต้รายงานของนิวยอร์กไทมส์ โดยยืนยันสงครามในกาซาจะดำเนินต่อไปอีกนานจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมด

ในคำแถลงร่วมที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (2 ก.ค.) อดีตเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน จำนวน 12 คน ซึ่งได้ทยอยลาออกสืบเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายเรื่องอิสราเอลและสงครามกาซา ระบุว่าคณะบริหารชุดนี้ละเมิดกฎหมายของประเทศจากการสนับสนุนอิสราเอล อีกทั้งพยายามหาช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อเดินหน้าจัดส่งอาวุธให้อิสราเอลอย่างต่อเนื่อง

การลาออกของบุคคลเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งที่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย ทำเนียบขาว และกองทัพ สะท้อนความไม่พอใจในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จำนวนไม่น้อยเกี่ยวกับนโยบายด้านนี้ของไบเดน

คำแถลงระบุว่า การดำเนินการทางการทูตของอเมริกาที่ครอบคลุมถึงการจัดหาอาวุธให้อิสราเอลอย่างต่อเนื่อง เป็นการยืนยันการสมรู้ร่วมคิดอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ของวอชิงตันในการสังหาร และบีบให้พลเรือนปาเลสไตน์ที่ถูกปิดล้อมในกาซาต้องอดอยากหิวโหย

อดีตเจ้าหน้าที่เหล่านี้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้อำนาจที่จำเป็นและมีอยู่เพื่อทำให้สงครามในกาซายุติลง และรับประกันว่า ตัวประกันอิสราเอลในกาซาและนักโทษปาเลสไตน์ในอิสราเอลจะได้รับอิสรภาพ รวมทั้งเรียกร้องให้วอชิงตันสนับสนุนสิทธิในการกำหนดอนาคตของตนเองของชาวปาเลสไตน์ และให้เงินสนับสนุนเพื่อเพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซาทันที

ถึงแม้เวลานี้มีการวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากนานาชาติ เกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา รวมทั้งเรื่องที่อเมริกาสนับสนุนอิสราเอลทั้งด้านการทหารและการทูต ทว่าสถานการณ์ในกาซาก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรนัก

ในวันพุธ (3 ) กองทัพอิสราเอลยังคงระดมทิ้งระเบิด และส่งกำลังภาคพื้นดินสู้รบกับนักรบฮามาสในเมืองกาซาซิตี้ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ขณะที่ในเมืองข่านยูนิส ที่อยู่ทางตอนใต้ของกาซา ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนพากันอพยพไปยังที่ปลอดภัย หลังจากกองทัพยิวออกคำสั่งให้อพยพฉุกเฉิน

อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอังคาร (2) นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้ตอบโต้รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของอเมริกาที่ระบุว่า บรรดานายพลอิสราเอลเรียกร้องให้หยุดยิงในกาซา แม้ว่ายังไม่สามารถปราบปรามฮามาสได้หมดสิ้น โดยผู้นำยิวผู้นี้ยืนยันว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้น

เวลาเดียวกัน เฮอร์ซี ฮาเลวี ผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอล สำทับอีกทางว่า อิสราเอลกำลังอยู่ในการปฏิบัติการระยะยาวเพื่อทำลายล้างฮามาส และนำตัวประกันกลับบ้าน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากรายงานของนิวยอร์กไทมส์ที่อ้างอิงการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิสราเอลว่า นายทหารระดับสูงหลายคนมองว่า การหยุดยิงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือตัวประกันที่ยังถูกคุมขังอยู่ในกาซา แม้ว่านั่นอาจหมายความว่า อิสราเอลไม่บรรลุเป้าหมายทั้งหมดในสงครามก็ตาม

ถึงแม้เนทันยาฮูประกาศเมื่อราว 10 วันที่ผ่านมาว่า สงคราม “ขั้นดุเดือดเข้มข้น” ในกาซา กำลังจะสิ้นสุดลง แต่จนถึงตอนนี้กองทัพอิสราเอลยังคงระดมโจมตีทางอากาศและโจมตีด้วยปืนใหญ่เข้าใส่เขตชูไจยาในกาซาซิตี้ และที่อื่นๆ ในกาซา โดยกองทัพอิสราเอลระบุว่า ได้โจมตีสถานที่ตั้งโครงสร้างพื้นฐานการก่อการร้ายกว่า 50 แห่งทั่วกาซาในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่ทหารภาคพื้นดินได้สังหารผู้ก่อการร้าย ค้นพบอุโมงค์และอาวุธที่รวมถึงปืนอาก้า

ก่อนที่จะเกิดการสู้รบหนักเช่นนี้ในกาซาซิตี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกองทัพอิสราเอลได้ออกคำสั่งให้ชาวปาเลสไตน์อพยพฉุกเฉินออกจากเขตชูไจยาในเมืองนี้ ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ (30 มิ.ย.) ก็สั่งให้ชาวปาเลสไตน์อพยพฉุกเฉินในทำนองเดียวกัน ออกจากหลายพื้นที่ในเมืองข่านยูนิส และเมืองราฟาห์ซึ่งอยู่ติดกัน ทำให้เกิดความกังวลว่ากำลังจะมีการสู้รบครั้งใหญ่เกิดขึ้นทางตอนใต้ของกาซาเช่นกัน

ทางด้าน ซีกริด แค็ก ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นว่า สงครามกาซาที่ดำเนินมาเกือบ 9 เดือนกำลังทำให้เกิดห้วงมหาภัยของความทุกข์ยากของมนุษยชาติ และคำสั่งอพยพระลอกล่าสุดฉุดให้ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากขึ้นจมดิ่งในนรกแห่งความทุกข์ทรมาน

แค็กเสริมว่า สงครามครั้งนี้ทำให้ประชาชน 80% ในกาซาพลัดพรากจากที่อยู่อาศัย ขณะที่ความช่วยเหลือไม่เพียงพอต่อความต้องการ เขาเรียกร้องให้เปิดจุดผ่านแดนทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางใต้ของกาซา เพื่อป้องกันหายนะด้านมนุษยธรรม

(ที่มา : รอยเตอร์, บีบีซี, เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น