“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2567 ตอน นโยบายยาบ้า 5 เม็ด ผู้เสพสบาย-ค้าขายคึกคัก ทบทวนก่อนหลงทาง
การแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้าถือเป็นนโยบายที่ทุกรัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็เช่นกัน โดยได้มีการแถลงเรื่องนี้ต่อรัฐสภาตอนหนึ่งว่า
" รัฐบาลจะทำงานร่วมกับประชาชนทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึดหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย”
สนับสนุนให้ผู้เสพเข้ารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึงเพื่อเพิ่มจำนวนทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพให้กลับเข้าสู่สังคม ส่วนผู้ผลิตและผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด"
มองในภาพรวมถือว่ารัฐบาลก็สามารถทำได้ดีในระดับหนึ่งตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภา เช่น การปราบปราม การยึดทรัพย์ เป็นต้น แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นปัญหา คือ การพยายามแยกผู้เสพออกมาจากวงจรนี้ เพราะเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการกำหนดนิยามคำว่า "ผู้เสพ" ใหม่ ซึ่งปัจจุบันใช้การกำหนดเพดานว่าผู้ใดถือครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ถือว่าเป็นผู้เสพ
กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหน่วยงานเจ้าของเรื่องการกำหนดเพดานการมียาบ้าไว้ในครอบครอง ยืนยันในความประสงค์ดีว่าต้องการแยกผู้เสพออกมาให้มีความชัดเจนและต้องการลดจำนวนนักโทษในเรือนจำ เพื่อหวังจูงใจให้ผู้เสพเลิกพฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง ยาเสพติด
ซึ่งทุกวันนี้ผู้ต้องขังในเรือนจำส่วนใหญ่มาจากการกระทำความผิดในคดียาเสพติด
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านับตั้งแต่รัฐบาลดำเนินนโยบายดังกล่าว ปรากฎว่าเริ่มเห็นช่องโหว่ทางกฎหมายเป็นจำนวนมาก พร้อมๆกับพฤติกรรมท้าทายกฎหมายอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะเป็นกรณีของการจับกุมผู้ค้ายาบ้าที่จังหวัดสระบุรีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอมรับต่อพนักงานสอบสวนว่านโยบายยาบ้า 5 เม็ด ทำให้การซื้อขายยาบ้าคึกคักมากขึ้น เพราะผู้เสพมาติดต่อขอซื้อทีละ 5 เม็ดแต่ซื้อหลายครั้ง โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นความผิดตามกฎหมาย หรือในกรณีการโพสต์ขายยาบ้าผ่านออนไลน์ด้วยการบรรจุใส่ถุงจำนวน 5 เม็ด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อที่อย่างมากผู้ซื้อก็เป็นแค่ผู้เสพที่ไม่ได้มีความผิดตามกฎหมาย รุนแรง ติดคุกปีเดียว หรือเลือกเข้าบำบัด
ขณะเดียวกัน ในระยะยาวอาจมีความสุ่มเสี่ยงต่อการเปิดโอกาสให้ผู้บังคับใช้กฎหมายแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบด้วยผ่านการเปลี่ยนข้อหาจากความผิดฐานเป็นผู้ค้าเหลือแค่เป็นผู้เสพเท่านั้น
เรียกได้ว่ากฎหมายที่ออกมานำมาซึ่งการสร้างผลประโยชน์ที่ลงตัว 3 ฝ่าย ประกอบด้วย 1.ผู้เสพ 2.ผู้ค้า และ 3.ผู้บังคับใช้กฎหมาย
ยิ่งนับการท้าทายและช่องโหว่จะเพิ่มขึ้น แม้ว่าในเวลาต่อมา หมอชลน่าน ศรีแก้ว เจ้ากระทรวงสาธารณสุข จะยืนยันว่านโยบายนี้มาถูกทางแล้ว แต่ดูเหมือนจะสวนทางกลับความจริงที่ปรากฎให้เห็นอย่างสิ้นเชิง ถึงขนาดที่พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้และส่งเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาให้เพิกถอนประกาศกฎกระทรวงของกระทรวงสาธารณสุข เพราะมองไม่เห็นแสงสว่างของการแก้ไขปัญหายาเสพติดผ่านกระบวนการดังกล่าว
ถ้ามองกันตามความเป็นจริง ไม่มีทางเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะไม่เห็นถึงช่องโหว่ของการบังคับใช้กฎหมาย แต่ที่ไม่อาจทบทวนได้ เนื่องจากกลัวว่าตัวเองจะเสียหน้าตามสไตล์ของนักการเมือง เพื่อไม่ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายผลในทางการเมืองในช่วงที่รัฐบาลเตรียมถูกฝ่ายค้านอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร
ทำให้ยังต้องดื้อและดึงดันที่จะกำหนดเพดานการครอบครองยาบ้าไว้ที่ 5 เม็ดต่อไป ทั้งๆที่รู้ว่านโยบายนี้เต็มไปด้วยปัญหา
ดังนั้น อาจถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะวางศักดิ์ศรีทางการเมืองลงมาบ้าง และดำเนินการทบทวนนโยบายนี้ ก่อนที่พรรคเพื่อไทยที่เคยเป็นผู้ประกาศสงครามกับยาเสพติด จะกลายเป็นผู้สร้างสันติภาพกับยาเสพติดเสียเอง
------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android