กลุ่มติดอาวุธฮามาสประกาศยอมรับข้อเสนอหยุดยิงในกาซาตามที่คณะผู้เจรจาไกล่เกลี่ยได้เสนอเมื่อวันจันทร์ (6 พ.ค.) ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลชี้เงื่อนไขยังไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายตนเรียกร้อง และยืนกรานจะเดินหน้าปฏิบัติการโจมตีเมืองราฟาห์ (Rafah) ควบคู่ไปกับการเจรจา
สงครามกาซาที่ยืดเยื้อมานาน 7 เดือนก้าวมาสู่จุดพลิกผันสำคัญอีกครั้ง เมื่อกองทัพอิสราเอลเริ่มเปิดปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินที่เมืองราฟาห์ทางตอนใต้ พร้อมสั่งให้พลเรือนอพยพออกจากพื้นที่บางส่วนของเมือง ซึ่งถือเป็นสถานที่หลบภัยแห่งสุดท้ายของชาวปาเลสไตน์นับล้านที่ต้องละทิ้งบ้านเรือนหนีตายจากสงครามครั้งนี้
ฮามาสระบุในคำแถลงสั้นๆ ว่า อิสมาอีล ฮานิเยห์ (Ismail Haniyeh) ผู้นำของกลุ่ม ได้แจ้งต่อคณะผู้ไกล่เกลี่ยของกาตาร์และอียิปต์ว่าฮามาสยอมรับข้อตกลงหยุดยิงที่มีการเสนอมา
อย่างไรก็ตาม สำนักงานของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ได้แถลงในเวลาต่อมาว่า ข้อเสนอหยุดยิงดังกล่าว “ยังไม่ตอบสนอง” สิ่งที่อิสราเอลเรียกร้อง ทว่ารัฐยิวก็จะยังส่งผู้แทนเข้าร่วมกระบวนการเจรจาต่อไปจนกว่าจะได้บทสรุปซึ่งเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย
กระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ระบุว่า คณะผู้แทนรัฐบาลเตรียมจะเดินทางไปไคโรอีกครั้งในวันอังคาร (7) เพื่อสานต่อการเจรจาทางอ้อมระหว่างอิสราเอลและฮามาส
สำนักงานของเนทันยาฮู ยังบอกด้วยว่า คณะรัฐมนตรีสงครามของเขาอนุมัติให้เดินหน้าปฏิบัติการจู่โจมเมืองราฟาห์ต่อไป ขณะที่ อัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจอร์แดน ออกมาเตือนผ่าน X ว่า การทิ้งบอมบ์ราฟาห์ถือเป็นการบ่อนทำลายโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
เจ้าหน้าที่อิสราเอลผู้ไม่ประสงค์ออกนามชี้วา ข้อตกลงหยุดยิงที่ฮามาสยอมรับนั้นมีการลดทอนเงื่อนไขบางอย่างจากข้อเสนอเดิมของอียิปต์ และเพิ่มเติมรายละเอียดที่อิสราเอล “ยอมรับไม่ได้”
“นี่คือกลอุบายที่เจตนาทำให้อิสราเอลถูกมองว่าเป็นฝ่ายที่ปฏิเสธข้อตกลง” เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว
แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้ว่าวอชิงตันจะนำท่าทีตอบสนองของฮามาสไปหารือร่วมกับพันธมิตรภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และย้ำว่าข้อตกลงหยุดยิง “มีความเป็นไปได้”
สงครามครั้งนี้ทำให้มีพลเรือนปาเลสไตน์ถูกสังหารไปแล้วมากกว่า 34,600 คน ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซา ขณะที่องค์การสหประชาชาติก็ออกมาเตือนว่าดินแดนเล็กๆ แห่งนี้กำลังเสี่ยงเผชิญวิกฤตความอดอยาก (famine)
การสู้รบครั้งใหญ่นี้มีชนวนเหตุมาจากการที่ฮามาสบุกโจมตีภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว และสังหารประชาชนไปราว 1,200 คน รวมถึงจับชาวอิสราเอลและต่างชาติไปเป็นตัวประกันอีกกว่า 250 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ 133 คนที่ยังคงถูกคุมขังอยู่ในกาซา ตามข้อมูลของทางการอิสราเอล
ทั้งนี้ หากมีการหยุดยิงเกิดขึ้นก็จะถือเป็นการพักรบครั้งแรกหลังจากที่อิสราเอลและฮามาสเคยหยุดยิงชั่วคราวนาน 1 สัปดาห์เมื่อเดือน พ.ย. ซึ่งในตอนนั้นฮามาสได้ยอมปลดปล่อยตัวประกันออกมาประมาณครึ่งหนึ่ง
ความพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิงล้มเหลวมาตลอดหลายเดือน เนื่องจากฮามาสยืนกรานไม่ปล่อยตัวประกันเว้นเสียแต่อิสราเอลจะให้สัญญายุติสงครามอย่างถาวร ในขณะที่อิสราเอลก็ประกาศเสียงแข็งว่าพร้อมจะคุยแค่เงื่อนไข “หยุดยิงชั่วคราว” เท่านั้น
ทาเฮอร์ อัล-โนโน เจ้าหน้าที่ฮามาสซึ่งเป็นที่ปรึกษาของฮานิเยห์ บอกกับรอยเตอร์ว่า ข้อเสนอหยุดยิง ณ ปัจจุบันถือว่าตอบสนองข้อเรียกร้องของฮามาสที่กำหนดว่าจะต้องมีการฟื้นฟูความเสียหายในกาซา ส่งชาวปาเลสไตน์ที่พลัดถิ่นฐานกลับบ้าน และมีการแลกเปลี่ยนตัวประกันกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ในเรือนจำอิสราเอล
คาลิล อัล-ฮัยยา รองผู้นำกลุ่มฮามาสให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราว่า ข้อเสนอหยุดยิงถูกแบ่งออกเป็น 3 เฟส แต่ละเฟสมีระยะเวลาดำเนินการ 6 สัปดาห์ โดยการถอนทหารอิสราเอลออกจากกาซานั้นอยู่ในเฟสที่ 2
เมื่อวานนี้ (6) ทางการอิสราเอลได้มีคำสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่บางส่วนของเมืองราฟาห์ ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์ราวครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 2.3 ล้านคนเข้าไปอาศัยหลบภัยอยู่
รัฐบาลอิสราเอลเชื่อว่านักรบฮามาสจำนวนมากแฝงตัวอยู่ในราฟาห์ รวมถึงตัวประกันหลายสิบคนด้วย และย้ำว่าอิสราเอลจะมีชัยชนะอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อสามารถยึดเมืองแห่งนี้ได้
ที่มา : รอยเตอร์