ไม่รับประกันว่ายูเครนจะได้เข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ภายในทศวรรษหน้า จากความเห็นของเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสหรัฐฯ พร้อมระบุสถานภาพความเป็นสมาชิกของเคียฟ จะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะมีชัยชนะในความขัดแย้งกับรัสเซียหรือไม่
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอสนิวส์ในวันอาทิตย์ (7 ก.ค.) สโตลเทนเบิร์ก ซึ่งจะพ้นจากตำแหน่งในเดือนตุลาคม ถูกขอคำอธิบายว่าทำไมเขาถึงหวังเห็นยูเครนจะได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ภายใน 2034 แทนที่จะเป็นภายใน 3 ปีข้างหน้า
เขาตอบว่า "ไม่มีใครพูดอย่างชัดเจนว่า 10 ปี แต่แน่นอนว่า การดึงยูเครนเข้ามามันเป็นประเด็นที่จริงจังอย่างมาก" พร้อมเน้นย้ำว่า "ตอนนี้ยูเครนเป็นประเทศที่อยู่ในสงคราม และสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนาโตในเวลานี้คือ ยกระดับการสนับสนุนของเขาที่มอบแก่ยูเครน เพื่อรับประกันชัยชนะของยูเครน มันเป็นเงื่อนไขล่วงหน้าสำหรับยูเครนในการเป็นสมาชิกใดๆ ในอนาคต"
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวดีพีเอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สโตลเทนเบิร์ก พูดต่างออกไป โดยแสดงความหวังว่าเคียฟจะกลายเป็นสมาชิกนาโตภายใน 1 ทศวรรษ ความเห็นของเขามีขึ้นในขณะที่ นาตาลยา กาลิบาเรนโก เอกอัครราชทูตเคียฟประจำนาโต บอกกับสำนักข่าวโพลิติโก ว่ายูเครนต้องการเสนอตัวในฐานะรัฐสมาชิกที่ไม่อาจย้อนกลับได้ ณ ที่ประชุมซัมมิตนาโตในวอชิงตัน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ถึง 11 กรกฎาคม
รัฐสมาชิกนาโตเห็นห้องพ้องกันครั้งแรกที่จะรับยูเครนเข้าร่วมกลุ่มในปี 2008 แต่ไม่มีการกำหนดกรอบเวลาอย่างเจาะจง หลังจากเกิดรัฐประหารที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกในเคียฟเมื่อปี 2014 ยูเครน ให้คำมั่นอย่างหนักแน่นว่าจะเดินหน้าสู่เป้าหมายบรรลุการเป็นสมาชิกนาโต และในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 พวกเขาได้ยื่นใบสมัครขอเข้าร่วมพันธมิตรทหารแห่งนี้อย่างเป็นทางการ ไม่นานหลังจากอดีต 4 แคว้นของพวกเขาลงมติอย่างท่วมท้นขอเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม บรรดาเจ้าหน้าที่นาโต เน้นย้ำว่าสถานภาพความเป็นสมาชิกของยูเครน เป็นสิ่งที่เป็นไปได้หากว่ายังคงอยู่ในความขัดแย้งกับรัสเซีย สืบเนื่องจากความกังวลสถานการณ์ลุกลามปานปลาย
มอสโกมองการขยายอาณาเขตของนาโต เข้าหาชายแดนของพวกเขาว่าเป็นภัยคุกคามการอยู่รอด ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เคยบอกว่าความตั้งใจของยูเครนในการเข้าร่วมพันธมิตรทหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักของความขัดแย้ง นอกจากนี้ รัสเซียระบุเช่นกันว่าสถานภาพความเป็นกลางของเคียฟจะเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับสันติภาพที่ยั่งยืนกับประเทศเพื่อนบ้าน
(ที่มา : ซีบีเอส/อาร์ทีนิวส์)