การโจมตีที่ยกระดับความดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ได้โหมกระพือความกังวลภายในรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่หวั่นเกรงว่าวอชิงตันอาจถูกลากเข้าสู่สงครามตะวันออกกลางในวงกว้าง
สำนักข่าวซีบีเอสนิวส์รายงานในวันเสาร์ (15 มิ.ย.) พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส อาจลุกลามบานปลายเข้าสู่ความขัดแย้งที่ใหญ่กว่า และอาจพัวพันกับฮิซบอลเลาะห์ และทหารอเมริกา
การยิงจรวดตอบโต้กันไปมาเป็นชุดๆ ข้ามชายแดนอิสราเอล-เลบานอนในสัปดาห์นี้ เพิ่มความเสี่ยงไม่ใช่เฉพาะแค่สงครามที่ใหญ่กว่าเดิม แต่ยังรวมไปถึงความเสี่ยงที่พวกนักรบติดอาวุธซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน จะเล่นงานกองกำลังอเมริกาในซีเรีย จอร์แดนและอิรัก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม ได้พูดถึงหลายสถานการณ์แห่งปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ในนั้นรวมถึงกรณีที่อิสราเอลโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนเลบานอน ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณว่ากองทัพอิสราเอลเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่แล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลไบเดน ยังหวั่นเกรงด้วยว่าการที่ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดโจมตีในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ มันอาจกระตุ้นให้อิสราเอลตอบโต้ในแนวทางหนึ่งที่ผลลัพธ์ก็คือการเปิดสงครามโดยไม่ได้ตั้งใจ
วอชิงตันมองความตึงเครียดอิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ และความพยายามเป็นคนกลางข้อตกลงหยุดยิงในสงครามกับฮามาส นั้นมีความสัมพันธ์กัน โดยข้อตกลงหยุดยิงใดๆ จะจำเป็นต้องกำหนดเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงสำหรับคลายความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์เช่นกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี (13 มิ.ย.)
"สิ่งสำคัญที่สุดเป็นเรื่องของการปล่อยตัวประกันและข้อตกลงหยุดยิงที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วในตอนนี้ และหากมันบรรลุผล มันก็อาจส่งผลกระทบต่อทางเหนือของอิสราเอล ดังนั้น มันจะเปิดโอกาสให้เราสามารถนำความขัดแย้งไปสู่จุดจบได้อย่างสมบูรณ์" เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าว
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/ซีบีเอสนิวส์)
