xs
xsm
sm
md
lg

จีนขยี้ต่อ! ชี้ฟิลิปปินส์และชาวโลกมีสิทธิได้รู้ความจริง กรณี US ถูกแฉบิดเบือนวัคซีนซิโนแวค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สถานทูตจีนประจำฟิลิปปินส์ในวันพุธ (26 มิ.ย.) แสดงความยินดีและให้ความสนใจ ต่อการพิจารณาไต่สวนของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศแห่งวุฒิสภาฟิลิปปินส์เมื่อวันอังคาร (25 มิ.ย.) ในเรื่องยุทธการของกองทัพสหรัฐฯ ป้ายสีวัคซีนจีนในฟิลิปปินส์ ระหว่างโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เน้นย้ำประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตและสุขภาพชาวฟิลิปปินส์ และชาวฟิลิปปินส์และประชาคมนานาชาติมีสิทธิได้รู้ความจริงในเรื่องดังกล่าว

ปัจจุบัน ฟิลิปปินส์กำลังขอความชี้แจงเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในเรื่องเกี่ยวกับยุทธการลับโฆษณาชวนเชื่อของอเมริกา ที่หาทางก่อความคลางแคลงใจในหมู่ชาวฟิลิปปินส์เกี่ยวกับวัคซีนของจีน ระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ ทำให้ประชาชนหลายหมื่นชีวิตที่ควรได้รับการปกป้อง กลับต้องมาจบชีวิตลง

วุฒิสมาชิกไอมี มาร์กอส ประธานคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อวันอังคาร (25 มิ.ย.) ทำหน้าที่เป็นผู้นำการไต่สวนของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต่อคำกล่าวหาเกี่ยวกับแผนของกองทัพสหรัฐฯ ในความพยายามดิสเครดิตวัคซีนซิโนแวคของจีนในฟิลิปปินส์ ผ่านการใช้สื่อสังคมออนไลน์บิดเบือน

ในญัตติที่เสนอโดย ไอมี มาร์กอส ระบุว่า "ยุทธการต่อต้านวัคซีนและบิดเบือนข้อมูล เป็นประเด็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นประเด็นร้ายแรงทางสาธารณสุข จำเป็นต้องมีการตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ที่ยุทธการต่อต้านวัคซีนและบิดเบือนข้อมูลบงการโดยกองทัพสหรัฐฯ"

"เพื่อเป็นการยืนยัน จำเป็นต้องมีการสรุปถึงลักษณะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของกองทัพสหรัฐฯ ความเป็นไปได้ใดๆ ที่สหรัฐอเมริกาจะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และความเป็นไปได้ในการไล่เบี้ยทางกฎหมายของฟิลิปปินส์ เมื่อพิจารณาจากยุทธการต่อต้านวัคซีนและบิดเบือนข้อมูลที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติเช่นนี้" เธอกล่าว

"เพราะฉะนั้น เพื่อขจัดข้อสงสัยในเรื่องนี้ และเพื่อให้เรื่องนี้กระจ่างโดยวุฒิสภาฟิลิปปินส์ ทางคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจึงได้รับบัญชาให้ดำเนินการไต่สวน คำกล่าวหาโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านวัคซีนที่ดำเนินการโดยกองทัพสหรัฐฯ ระหว่างโรคระบาดใหญ่โควิด-19" ญัตติระบุ

สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า มาร์กอส กล่าวระหว่างการพิจารณาไต่สวนว่ายุทธการบืดเบือนข้อมูลได้ขัดขวางประชาชนจากการเข้ารับวัคซีนซิโนแวคในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อความคลางแคลงใจแก่ชาวฟิลิปปินส์จนไม่กล้าฉีดวัคซีนจีน และทำให้คนกลุ่มนี้อ่อนแอต่อโรคระบาดใหญ่

"การบิดเบือนข้อมูลก่อผลกระทบเลวร้าย จำนวนผู้เสียชีวิตอันน่าช็อก เรากำลังพูดถึงชาวฟิลิปปินส์ที่ล้มป่วยและเสียชีวิตหลายแสนหลายล้านคน มันเลวร้ายกว่าศพที่ถูกนับหรือจำนวนความสูญเสียในสงครามเสียอีก"

มาร์กอส ซึ่งเป็นพี่สาวของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ให้คำจำกัดความยุทธการของกองทัพสหรัฐฯ ว่าเป็นการกระทำ "ปีศาจ ชั่วร้าย อันตรายและไร้จริยธรรม" ตามรายงานของรอยเตอร์ในวันอังคาร (25 มิ.ย.)

ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลบิดเบือนรายหนึ่ง เรียกร้องคณะกรรมาธิการวุฒิสภาในวันอังคาร (25 มิ.ย.) ให้สืบสวนความเป็นไปได้ที่บรรดาซับคอนแทร็ก (ผู้ทำสัญญารับช่วง) จากฟิลิปปินส์ อาจเกี่ยวข้องกับการประดิดประดอยสารที่เพนตากอนใช้ดำเนินยุทธการต่อต้านวัคซีนจีน ระหว่างโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ฟิลสตาร์ในวันอังคาร (25 มิ.ย.)

ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน รอยเตอร์อ้างอิงเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยอมรับว่าทางกองทัพมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโฆษณาชวนเชื่ออย่างลับๆ เพื่อใส่ร้ายวัคซีนจีนและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่ในบรรดาชาติกำลังพัฒนา แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติม

ยุทธการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการใช้บัญชีปลอมบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งรอยเตอร์ตรวจพบอย่างน้อย 300 บัญชีบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ โดยมีเจตนาเพื่อก่อความคลางแคลงใจต่อวัคซีนซิโนแวค เช่นเดียวกับคุณภาพหน้ากากอนามัยและชุดตรวจของจีน ในหมู่ประชาชนชาวฟิลิปปินส์ ขณะที่รอยเตอร์รายงานอ้างว่ายุทธการนี้ถูกจัดทำขึ้นมาเพื่อเอาคืนความพยายามของปักกิ่งที่กล่าวโทษวอชิงตัน เป็นต้นตอของโรคระบาดใหญ่

หยวน หยูเว่ย โฆษกของซิโนแวค ให้สัมภาษณ์กับโกลบอลไทม์ส ระบุว่าการตราหน้าวัคซีนอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ร้ายแรง อย่างเช่นก่อความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างวิทยาศาสตร์กับสาธารณสุข เช่นเดียวกับอื่นๆ

โฆษกบอกกับโกลบอลไทม์สด้วยว่าทางบริษัททราบเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวแล้ว และขอชื่นชมข้อเท็จจริงที่ว่า รอยเตอร์กล้าเปิดโผยโครงการลับของกองทัพสหรัฐฯ ต่อสาธารณะ

"ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เคยมีผู้คนโจมตีวัคซีนผิดๆ ซึ่งก่อหายนะใหญ่หลวง การตีตราประณามวัคซีนอาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรงต่างๆ อย่างเช่นอัตราวัคซีนระดับต่ำ การแพร่ระบาดของโรคและโรคระบาดใหญ่ ความตื่นตระหนกและความไม่สงบทางสังคม รวมถึงวิกฤตความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างวิทยาศาสตร์กับสาธารณสุข"

(ที่มา : โกลบอลไทม์ส)


กำลังโหลดความคิดเห็น