บริษัทส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นเห็นว่า “ไม่มีความจำเป็น” ที่รัฐบาลโตเกียวจะต้องเดินตามนโยบายสหรัฐฯ ในการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยมองว่ากำลังการผลิตส่วนเกิน (excessive production capacity) ในอุตสาหกรรมแดนมังกรนั้นไม่ได้กระทบต่อภาคธุรกิจญี่ปุ่นแต่อย่างใด ตามผลสำรวจของรอยเตอร์
เดือนที่แล้ว ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนหลายรายการ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และเซมิคอนดักเตอร์ โดยอ้างว่ารัฐบาลจีนใช้นโยบายอุดหนุนอุตสาหกรรมตัวเอง และส่งออกสินค้าราคาถูกออกมาท่วมตลาดโลก
ไม่นานหลังจากนั้น สหภาพยุโรป (อียู) ก็ออกมารับลูกด้วยการสั่งรีดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากจีนในอัตราสูงสุด 38.1% ขณะที่กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นก็แสดงความกังวลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับระบบตลาด (non-market practices) ของจีน
กระนั้นก็ตาม ผลสำรวจโดยรอยเตอร์ที่จัดทำระหว่างวันที่ 5-14 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลับพบว่า ผู้แทนของบริษัทในญี่ปุ่น 61% ไม่คิดว่ารัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการเดียวกันนี้ ส่วนที่เหลือมองว่าจำเป็น ขณะที่ 53% เห็นว่ากำลังการผลิตส่วนเกินของจีนไม่ได้กระทบต่อธุรกิจของพวกเขา
“การทำแบบนั้นอาจจะนำไปสู่มาตรการแก้แค้นกันไปมา และเศรษฐกิจก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก” ผู้จัดการบริษัทผลิตสารเคมีแห่งหนึ่งให้ความเห็น
รัฐบาลจีนออกมาตอบโต้การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ โดยชี้ว่าอเมริกากำลังทำลายหลัก “การค้าเสรี” ที่ตัวเองส่งเสริมมาตลอด และถ้อยแถลงของ G7 ก็ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง
ผลสำรวจโดย Nikkei Research ซึ่งจัดทำเพื่อรอยเตอร์ได้สอบถามความคิดเห็นจากบริษัทญี่ปุ่น 492 แห่งแบบไม่มีการเปิดเผยชื่อ และมีบริษัทราวๆ 230 แห่งที่ส่งคำตอบเข้ามา
โพลฉบับนี้ยังพบว่า บริษัทราว 54% เชื่อว่านายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ อาจหลุดจากเก้าอี้ผู้นำญี่ปุ่นภายในสิ้นปีนี้ สืบเนื่องจากข่าวฉาวเรื่องการระดมทุน
รัฐบาลพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ยอมรับว่ามี ส.ส.ในพรรคกว่า 80 คนที่รับผลประโยชน์จากกิจกรรมระดมทุนโดยไม่ได้แจ้งลงบัญชี และขณะนี้ถูกอัยการสั่งฟ้องไปแล้วอย่างน้อย 3 คน
ผลสำรวจโดยหนังสือพิมพ์อาซาฮีซึ่งจัดทำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่า คะแนนนิยมของรัฐบาล คิชิดะ ร่วงอีก 2 จุดจากเดือนที่แล้วลงมาเหลือแค่ 22% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ ในเดือน ต.ค. ปี 2021
ที่มา : รอยเตอร์