รัฐบาลจีนออกกฎใหม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ยามฝั่งสามารถควบคุมตัวชาวต่างชาติในเขตพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ได้นานสูงสุด 60 วันโดยไม่ต้องมีการไต่สวนความผิดใดๆ
ปักกิ่งอ้างอธิปไตยเหนือน่านน้ำในทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด โดยไม่สนใจข้อโต้แย้งของเพื่อนบ้านหลายชาติ รวมถึง “ฟิลิปปินส์” ซึ่งเคยไปร้องศาลระหว่างประเทศจนออกคำพิพากษามาแล้วว่าปักกิ่งไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายที่จะอ้างเช่นนี้
เรือยามฝั่งของจีนและเรือฟิลิปปินส์เคยเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันมาแล้วหลายครั้งบริเวณสันดอนพิพาท Second Thomas Shoal ซึ่งฝ่ายจีนอ้างว่าฟิลิปปินส์ได้เอาซากเรือรบไปจอดคาไว้อย่างผิดกฎหมาย
ตามกฎระเบียบใหม่ที่รัฐบาลจีนเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ หน่วยยามฝั่งจีนจะได้รับอนุญาตให้ควบคุมตัวคนต่างชาติที่ “ต้องสงสัยว่าฝ่าฝืนการบริหารจัดการการเข้า-ออกพรมแดน” โดยคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 15 มิ.ย.เป็นต้นไป
ทั้งนี้ อำนาจคุมขังนานสุด 60 วันจะเป็นที่อนุญาตสำหรับ “กรณีที่ยุ่งยากซับซ้อน” และ “หากผู้ที่ถูกคุมขังมีสัญชาติและตัวตนไม่ชัดเจน ระยะเวลาในการคุมขังก็จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่สามารถระบุตัวตนและสัญชาติของบุคคลนั้นๆ ได้”
กฎหมายใหม่นี้ยังเตือนอีกว่า “เรือต่างชาติที่รุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำอาณาเขต (territorial waters) และน่านน้ำที่อยู่ประชิด (adjacent waters) กับจีนอย่างผิดกฎหมายอาจถูกกักกันตามอำนาจกฎหมายนี้ โดยให้เป็นไปตามคำสั่งของผู้บัญชาการยามฝั่ง หรือสำนักงานยามฝั่งประจำเทศมณฑล”
เพื่อที่จะยืนยันกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ ปักกิ่งได้ส่งเรือยามฝั่งและเรือประเภทอื่นๆ ออกลาดตระเวนในน่านน้ำแถบนี้ และยังเปลี่ยนแนวปะการังหลายแห่งให้กลายสภาพเป็น “เกาะเทียม” ด้วย
รัฐบาลฟิลิปปินส์กล่าวหายามฝั่งจีนว่าใช้มาตรการที่ “ป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม” ต่อเรือของตนเอง ขณะที่ประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ก็ออกมาแถลงประณามในเดือนนี้เกี่ยวกับการกระทำที่ “ผิดกฎหมาย ข่มขู่คุกคาม ก้าวร้าว และหลอกลวง” ของจีน
เรือยามฝั่งจีนใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงขับไล่เรือฟิลิปปินส์ในเขตน่านน้ำพิพาทมาแล้วหลายครั้ง และยังเคยเกิดเหตุเรือพุ่งชนกันจนทำให้ทหารฟิลิปปินส์บาดเจ็บไปแล้วหลายนาย
หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุเมื่อเดือน พ.ค. ว่า กฎระเบียบใหม่ที่จีนบังคับใช้นั้นมีจุดประสงค์ “เพื่อสร้างมาตรฐานให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยยามฝั่ง และรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในทะเล” พร้อมทั้งย้ำว่า “บุคคลหรือองค์กรต่างๆ ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลในเรื่องนี้ หากพวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย”
ที่มา : รอยเตอร์