สำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์วานนี้ (29 เม.ย.) ว่า ดัชเชสโซฟี ดัชเชสแห่งเอดินบะระ ได้เสด็จพระดำเนินเยือนยูเครน และทรงเข้าพบประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี พร้อมด้วยภริยา ซึ่งถือเป็นการเยือนยูเครนครั้งแรกของสมาชิกราชวงศ์อังกฤษหลังจากที่สงครามกับรัสเซียปะทุขึ้นเมื่อกว่า 2 ปีก่อน
ดัชเชสโซฟี วัย 59 พรรษา ซึ่งเป็นพระชายาในเจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระราชอนุชาองค์เล็กสุดในสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เสด็จพระดำเนินเยือนยูเครนในฐานะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และยังเป็นส่วนหนึ่งของพระกรณียกิจส่วนพระองค์ที่ทรงอุปถัมภ์ช่วยเหลือผู้ที่รอดชีวิตจากการตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศในสงคราม
ดัชเชสโซฟี ทรงมีพระดำรัสระหว่างการเยือนกรุงเคียฟว่า “เป็นเรื่องจริงที่ผู้หญิงและเด็กหญิงคือกลุ่มคนที่ต้องจ่ายราคาแพงที่สุดจากสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ และจากการที่พวกเขาอาจถูกใช้เป็นอาวุธในสงคราม”
“การข่มขืนถูกใช้เพื่อลดคุณค่าและทำลาย และเราต้องพยายามกันให้มากกว่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น”
กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษแถลงว่า ดัชเชสโซฟีทรงแสดงความเคารพต่อชาวยูเครนที่ถูกสังหารในเมืองบูชา (Bucha) ใกล้ๆ กรุงเคียฟ ซึ่งมีการกล่าวหากันว่ากองทัพรัสเซียได้ก่ออาชญากรรมสงครามร้ายแรงด้วยการสังหารหมู่ประชาชนและข่มขืนสตรี ก่อนที่เมืองแห่งนี้จะถูกฝ่ายยูเครนยึดกลับคืนไปได้เมื่อ 2 ปีก่อน
พระองค์ยังเสด็จไปทรงเยี่ยมกลุ่มอาสาสมัครหญิงที่ช่วยเหลือชุมชนรับมือกับผลกระทบจากสงคราม ด้วยการทำกิจกรรมฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจเด็กๆ ชาวยูเครน
อังกฤษคือหนึ่งในชาติตะวันตกที่เป็นปากเป็นเสียงและให้การสนับสนุนยูเครนมากที่สุด และได้ให้สัญญามอบความช่วยเหลือที่ไม่ใช่ทางทหารแก่เคียฟแล้วมากกว่า 4,700 ล้านปอนด์
ที่มา : รอยเตอร์