ยิวเดินหน้าเจรจาปล่อยตัวประกัน แต่ยังไม่ล้มแผนบุกเมืองราฟาห์

เอเอฟพี - คณะรัฐมนตรีสงครามอิสราเอลตกลงหารือขั้นตอนต่อไปในการเจรจาหยุดยิงและปล่อยตัวประกัน ขณะที่มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับชะตากรรมของพลเรือนในกาซา ซึ่งรวมถึงเมืองราฟาห์ที่ล่าสุดเนทันยาฮูยังคงยืนกรานแผนปฏิบัติการภาคพื้นดิน

ซาชี ฮาเน็กบี ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล ให้สัมภาษณ์ทางทีวีก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีสงครามเมื่อคืนวันเสาร์ (24 ก.พ.) ว่า ผู้แทนของอิสราเอลเพิ่งกลับจากการเจรจาข้อตกลงปล่อยตัวประกันที่ปารีส และอาจมีช่องทางในการเดินหน้าเจรจาต่อ ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีจะหารือเกี่ยวกับการเจรจาขั้นตอนถัดไป

สื่อท้องถิ่นรายงานในเวลาต่อมาว่า การประชุมได้ข้อสรุปว่า คณะรัฐมนตรีสงครามเห็นพ้องให้ส่งผู้แทนไปเจรจาต่อที่กาตาร์ในช่วง 1-2 วันนี้ โดยมีกาตาร์ อียิปต์ และอเมริกา เป็นแกนนำการผลักดันข้อตกลงเช่นเดียวกับข้อตกลงหยุดยิงนานหนึ่งสัปดาห์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่มีการปล่อยตัวประกันกว่า 100 คน

ขณะเดียวกัน รัฐบาลอิสราเอลกำลังเผชิญแรงกดดันภายในหนักขึ้นให้เร่งช่วยเหลือตัวประกัน โดยเมื่อคืนวันเสาร์มีคนนับพันชุมนุมในเทลอาวีฟในบริเวณที่ขณะนี้เรียกกันว่า “จัตุรัสตัวประกัน” เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือตัวประกัน

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลออกมาปิดกั้นถนนหลายสายในเทลอาวีฟ เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกโดยโจมตีว่า รัฐบาลผิดพลาดทั้งด้านนโยบายเศรษฐกิจและความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน อีกทั้งดูเหมือนไม่ต้องการให้สงครามยุติ และเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง และตำรวจม้าสลายการชุมนุม

สัปดาห์ที่ผ่านมา สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่า ประชาชน 2.2 ล้านคนในกาซาเสี่ยงเผชิญภาวะขาดแคลนอาหาร เนื่องจากเสบียงและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นกำลังจะหมด และการทิ้งระเบิดทำให้หน่วยงานบรรเทาทุกข์ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ ขณะที่รถบรรทุกลำเลียงความช่วยเหลือถูกปล้น ส่งผลให้ชาวบ้านต้องกินข้าวโพดเน่า อาหารสัตว์ และแม้แต่ใบไม้ ด้านกระทรวงสาธารณสุขกาซาแถลงเมื่อวันเสาร์ว่า ทารกวัย 2 เดือนคนหนึ่งในกาซาซิตี้เสียชีวิตจากการขาดสารอาหาร

องค์กรเซฟ เดอะ ชิลเดรน ระบุว่า ความเสี่ยงในการขาดแคลนอาหารจะรุนแรงขึ้นตราบที่รัฐบาลอิสราเอลยังขัดขวางการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา แต่อิสราเอลยืนยันว่า อนุญาตให้องค์กรต่างๆ จัดส่งสิ่งบรรเทาทุกข์เข้าสู่กาซารวม 13,000 คันรถนับจากสงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อต้นเดือนตุลาคม หลังจากนักรบฮามาสบุกข้ามแดนเข้าไปโจมตีใหญ่ในอิสราเอลส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,160 คน และจับตัวประกันกลับไปกาซาราว 250 คน และขณะนี้ยังเหลือที่ถูกคุมขังอีก 130 คน ซึ่ง 30 คนในจำนวนนี้สันนิษฐานว่า เสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารเพื่อตอบโต้ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาอย่างน้อย 29,606 คน

กระทรวงสาธารณสุขกาซารายงานเมื่อเช้าวันอาทิตย์ (25) ว่า มีผู้เสียชีวิต 98 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ของฮามาสระบุว่า มีการโจมตีทั่วกาซาตั้งแต่เบตลาเฮียทางเหนือ จนถึงราฟาห์ทางใต้สุดติดกับชายแดนอียิปต์ ด้านผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มีการโจมตีทางอากาศหลายครั้งเมื่อค่ำวันเสาร์ในเมืองราฟาห์ที่มีพลเรือนนับล้านหนีไปหลบภัยอยู่

อย่างไรก็ดี แม้นานาชาติซึ่งรวมถึงพันธมิตรสำคัญอย่างอเมริกา แสดงความกังวลกับชะตากรรมของประชาชนในเมืองราฟาห์ คืนวันเสาร์เนทันยาฮูยังคงยืนกรานว่า จะไม่ยกเลิกแผนการที่ประกาศไว้ และสำทับว่า ต้นสัปดาห์นี้จะประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติแผนปฏิบัติการภาคพื้นดินในราฟาห์ ซึ่งรวมถึงการอพยพพลเรือนออกจากเมืองดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า มีเพียงการกดดันทางทหารควบคู่กับการเจรจาอย่างแข็งกร้าวเท่านั้นที่จะช่วยตัวประกันได้ รวมทั้งการกำจัดฮามาสและบรรลุเป้าหมายของสงครามครั้งนี้

ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เนทันยาฮูยังเปิดเผยแผนการสำหรับกาซาหลังสงครามซึ่งเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฮามาสจะรับผิดชอบกิจการพลเรือน และอิสราเอลจัดตั้งเขตกันชนด้านความมั่นคงในกาซา แต่ทั้งฮามาสและองค์การบริหารปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ของอิสราเอล ตลอดจนถึงอเมริกาต่างคัดค้านแผนการดังกล่าว