อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาไม่พัก ขณะที่วอชิงตันใช้สิทธิยับยั้งร่างญัตติเรียกร้องหยุดยิงในดินแดนปาเลสไตน์ทันที ด้านยิวแค้นฝังหุ่นประกาศไม่ต้อนรับลูอิซ อินาซิโอ ดา ซิลวา หลังจากผู้นำบราซิลเปรียบเทียบสงครามในกาซากับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของฮิตเลอร์
ความพยายามของชาติมหาอำนาจทั่วโลกในการหาทางยุติวิกฤตกาซายังคงไร้ผล แม้กระทั่งความพยายามในการผลักดันเพื่อให้ได้ข้อตกลงหยุดยิง
ในวันอังคาร (20 ก.พ.) โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติแถลงว่า จำเป็นต้องยุติการจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ดินแดนตอนเหนือของกาซาหลังจากเผชิญเหตุการณ์รุนแรง ทั้งถูกยิงและปล้น ซ้ำคนขับยังถูกทำร้ายเมื่อวันอาทิตย์ (18) ซึ่งเป็นวันแรกที่ฟื้นปฏิบัติการจัดส่งความช่วยเหลือให้กาซา
ทางด้านสำนักงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลกาซาออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันอังคารว่า ตกใจกับการตัดสินใจของโครงการอาหารโลกที่เปรียบเสมือนการตัดสินประหารประชาชนเกือบ 1 ล้านคน พร้อมเรียกร้องให้องค์กรแห่งนี้ล้มเลิกการตัดสินใจดังกล่าวทันที
แต่ขณะที่สงครามในกาซาเผชิญวิกฤตมนุษยธรรมขั้นร้ายแรง อเมริกายังคงเดินหน้าใช้สิทธิในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ยับยั้งร่างญัตติของแอลจีเรียที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมในทันที และปล่อยตัวประกันทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข โดย ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ อ้างเหตุผลว่า ญัตติดังกล่าวอาจบ่อนทำลายการเจรจาปล่อยตัวประกันในกาซา
หลายประเทศ เช่น จีน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย และแม้แต่พันธมิตรใกล้ชิดอย่างฝรั่งเศส ต่างวิจารณ์การกระทำเช่นนี้ของอเมริกา ขณะที่ฮามาสโจมตีว่า การกระทำนี้เท่ากับวอชิงตันอนุญาตให้อิสราเอลสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ต่อไป
เวลาเดียวกันน อิสราเอลยังคงถล่มโจมตีทางอากาศทั่วฉนวนกาซาเมื่อเช้าวันพุธ (21 ก.พ.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองข่านยูนิส และ เมืองราฟาห์ ทางใต้สุดที่ติดกับพรมแดนอียิปต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 103 คน
ทั้งนี้ เมืองราฟาห์ซึ่งเป็นเมืองแห่งเดียวในกาซาที่ยังไม่ถูกกองทัพรัฐยิวดำเนินปฏิบัติการทางภาคพื้นดิน กลายเป็นที่รองรับชาวปาเลสไตน์ราว 1.4 ล้านคนที่หนีการโจมตีของอิสราเอลมาจากส่วนอื่นๆ ของกาซา โดยที่ทางการอิสราเอลประกาศย้ำหลายครั้งว่า เมืองนี้จะตกเป็นเป้าหมายต่อไปของปฏิบัติการภาคพื้นดินของพวกตนอยู่ดี ท่ามกลางเสียงเตือนของนานาชาติและกลุ่มเคลื่อนไหวด้านมนุษยธรรมทั่วโลกที่ระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวจะทำให้ราฟาห์กลายเป็นสุสาน รวมทั้งทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจจินตนาการได้
ต้นสัปดาห์นี้อิสราเอลย้ำว่า จะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการบุกราฟาห์ ยกเว้นแต่ฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมดก่อนเริ่มต้นเทศกาลรอมฎอนในวันที่ 10 หรือ 11 มีนาคม
นอกจากนั้น เมื่อวันอังคาร นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และเบซาเลล สมอทริชต์ รัฐมนตรีคลังอิสราเอล ยังแถลงว่า จะไม่ยอมเสียสิ่งใดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวประกันอิสราเอลราว 134 คนที่ยังเหลืออยู่ในกาซา และสำทับว่า วิธีเดียวที่จะช่วยตัวประกันเหล่านั้นได้คือเพิ่มความกดดันทางทหารในกาซา และบดขยี้ฮามาส
การดึงดันทำสงครามทำให้อิสราเอลถูกวิจารณ์จากนานาชาติหนักขึ้น วันอังคาร ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ของโคลอมเบีย กล่าวหาอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในกาซา
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์ (18) ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ดา ซิลวา ของบราซิล ก็เปรียบเทียบสงครามในกาซากับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของฮิตเลอร์ในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
ในวันจันทร์ (19) อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล แถลงตอบโต้ว่า ผู้นำแดนแซมบ้าเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” ในอิสราเอล เว้นแต่จะยอมถอนคำพูด
ความขัดแย้งด้านการทูตระหว่างอิสราเอลกับบราซิลลุกลามต่อเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร เมื่อ มาอูโร เวียรา รัฐมนตรีต่างประเทศบราซิล ตอกกลับว่า ความคิดเห็นของแคตซ์ “ยอมรับไม่ได้และไม่เป็นความจริง”
ทั้งนี้ บราซิลกำลังเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มจี20 ที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นในเมืองริโอ เดอ จาเนโรเมื่อวันพุธ
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)