สหรัฐฯ มีความกังวลว่าเกาหลีเหนืออาจ "ปฏิบัติการทางทหารร้ายแรงบางรูปแบบ" เล่นงานเพื่อนบ้านทางใต้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สในวันพฤหัสบดี (25 ม.ค.) อย่างไรก็ตาม วอชิงตันเชื่อว่า เปียงยางไม่พร้อมเสี่ยงทำสงครามเต็มรูปแบบกับโซล เพราะมันจะมีความเป็นไปได้อย่างที่สุดที่จะนำมาซึ่งการเข้าแทรกแซงของสหรัฐฯ
นิวยอร์กไทม์ส รายงานอ้างคำสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า วอชิงตันจดบันทึกในสิ่งที่พวกเขาให้คำจำกัดความว่า ถ้อยแถลงที่ก้าวร้าวมากกว่าเดิมของ คิม จองอึน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการทดสอบขีปนาวุธและปืนใหญ่แบบถี่ๆ
เมื่อเดือนที่แล้ว คิม ตัดความเป็นไปได้ของการรวมชาติเกาหลี ประณามเพื่อนบ้านว่าเป็น "รัฐอาณานิคมและรัฐบริวาร" ซึ่งมีหลักการต่างๆ ที่เข้าไม่ได้กับเปียงยางโดยสิ้นเชิง ขณะที่ คิม โย-จอง น้องสาวของคิม เตือนเกาหลีใต้ว่าเกาหลีเหนือพร้อมจะใช้กำลังทหารตอบโต้การยั่วยุใดๆ
พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่าตามหลังถ้อยแถลงเมื่อเร็วๆ นี้ เกาหลีเหนืออาจดำเนินการบางอย่างคล้ายกับการระดมยิงปืนใหญ่ใส่เกาะยอนพยองในปี 2010 ซึ่งมีขึ้นตามหลังเกาหลีใต้ซ้อมรบในบริเวณดังกล่าว ในตอนนั้น เปียงยางยิงปืนใหญ่หลายร้อยลูก สังหารทหารเกาหลีใต้ 2 นาย และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน
โซล กล่าวอ้างในเวลานั้นว่าพวกเขาได้สังหารกำลังพลของเกาหลีเหนือไปหลายนาย ในขณะที่การปะทะดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในสถานการณ์ลุกลามบานปลายครั้งร้ายแรงที่สุดในคาบสมุทรเกาหลี แต่สุดท้ายแล้วมันหยุดลงโดยปราศจากโหมกระพือการสู้รบอย่างเต็มรูปแบบใดๆ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์ส แสดงความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ว่าเปียงยางพร้อมสำหรับเริ่มการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบหรือไม่ โดยบอกว่าพวกเขาไม่พบเห็นสัญญาณอย่างเป็นรูปธรรมว่าเกาหลีเหนือกำลังยกระดับเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ แม้ดูเหมือน คิม ได้เสริมความแข็งแก่กองทัพและปรับท่าทีทางการทูต และบางทีอาจมีความฮึกเหิมมากขึ้นจากการสานสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซียก็ตาม
"การโจมตีเต็มรูปแบบของเกาหลีเหนือ เกือบแน่นอนที่มันจะหมายถึงการเปิดสงครามกับสหรัฐฯ" รายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สระบุ พร้อมชี้ว่าเปียงยางอาจเลือกใช้คลังแสงอาวุธอันใหญ่โตของพวกเขาโจมตีใส่เมืองต่างๆ ของเกาหลีใต้ กระตุ้นให้โซลและวอชิงตันทำการแก้แค้น
จากข้อมูลของสถาบันวิจัยสันติภาพในสตอกโฮล์ม คาดหมายว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่สูงสุด 30 ลูก ขณะที่ปัจจุบันวอชิงตันมีทหารประจำการอยู่ในคาบสมุทรเกาหลีราว 30,000 นาย ส่วนใหญ่เป็นกำลังพลที่เข้าร่วมในการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้เป็นประจำ โดยล่าสุดคือการซ้อมรบกระสุนจริงเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเรียกเสียงประณามอย่างดุเดือดจากเกาหลีเหนือ
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/นิวยอร์กไทม์ส)