คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือในวันจันทร์ (15 ม.ค.) เรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญ เปลี่ยนแปลงสถานะของเกาหลีใต้ เป็นรัฐที่แยกขาดจากกัน ไม่มีวันกลับมารวมชาติกันได้ พร้อมเตือนว่า แม้ประเทศของเขาไม่แสวงหาสงคราม แต่ก็ไม่มีความตั้งใจหลีกเลี่ยงมัน ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ (เคซีเอ็นเอ) ในวันอังคาร (16 ม.ค.)
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ อ้างคำกล่าวของ คิม ระหว่างปราศรัยกับสมัชชาประชาชนสูงสุด รัฐสภาตรายางของเกาหลีเหนือ ระบุว่าข้อสรุปสุดท้ายของเขาก็คือ การรวมชาติกับเกาหลีใต้ไม่มีความเป็นไปได้อีกต่อไป พร้อมกับกล่าวหาโซลกำลังหาทางล้มการปกครองและการรวมชาติ ด้วยการแทรกซึม "เราไม่ต้องการสงคราม แต่เราไม่มีความตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงมัน"
สื่อมวลชนแห่งรัฐแห่งนี้ รายงานว่า หน่วยงานต่างๆ 3 องค์กร ที่ดูแลด้านการรวมชาติและการท่องเที่ยวระหว่าง 2 เกาหลีจะถูกปิดตาย
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่เลวร้ายลงในคาบสมุทรเกาหลีเมื่อเร็วๆ นี้ ท่ามกลางการทดสอบขีปนาวุธรอบแล้วรอบเล่าของเกาหลีเหนือ และความพยายามผลักดันโดยเปียงยาง ในการตีตัวออกห่างจากนโยบายและเปลี่ยนแปลงแนวทางดำเนินนโยบายต่างๆเกี่ยวกับเกาหลีใต้ ที่มีมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ
พวกนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือ อาจเข้ามารับผิดชอบในด้านความสัมพันธ์กับโซลแทน และเป็นไปได้ที่จะช่วยอ้างความชอบธรรมในการใช้อาวุธนิวเคลียร์กับเกาหลีใต้ ในสงครามหนึ่งใดในอนาคต
ในการจัดทำรายงานแก่องค์กรตรวจสอบเกาหลีเหนือ 38 North ในกรุงวอชิงตัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โรเบิร์ต คาร์ลิน อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และซิกฟรายด์ เฮคเกอร์ บอกว่าพวกเขามองสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีว่ามีความอันตรายมากกว่าที่เคยมีมา มากกว่าช่วงเวลาไหนๆ นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายนปี 1950
"ฟังดูเหมือนอาจดราม่าเกินไป แต่เราเชื่อว่า เหมือนกับปูของเขาในปี 1950 คิม จองอึน ได้ตัดสินใจทางยุทธศาสตร์แล้ว ในการเข้าสู่สงคราม" พวกเขาเขียน "เราไม่รู้เมื่อไหร่และ คิมมีแผนอย่างไรในการลั่นไกสงคราม แต่อันตรายนั้นได้เกินเลยไปมากแล้ว กว่าสิ่งที่วอชิงตัน โซล และโตเกียว เคยเตือนเป็นประจำเกี่ยวกับการยั่วยุเกาหลีเหนือ "
(ที่มา : รอยเตอร์)