ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.) หลังทบวงพลังงานสากล (ไอเออี) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์พลังงานโลก ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน ขณะที่ทองคำปรับขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) รายงานคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลงเกินกว่าที่คาดหมายที่ 2.5 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 มกราคม
ขณะเดียวกัน รายงานประจำเดือนของทบวงพลังงานสากล คาดหมายว่าอุปสงค์น้ำมันโลก จะเติบโต 1.24 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2024 ปรับเพิ่มจากการประมาณการหนก่อน 180,000 บาร์เรลต่อวัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.) ปิดบวก ได้แรงหนุนจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน หลังขยับตัวลงต่อเนื่องก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับการฟื้นตัวของกลุ่มเทคโนโลยี
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 201.94 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 37,468.61 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 41.73 จุด 0.88 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,780.94 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 200.03 จุด (1.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,055.65 จุด
ความเคลื่อนไหวกลุ่มเทคโนโลยีอยู่ภายใต้การนำของไต้หวัน เซมิคอนดัคเตอร์ แมนูแฟคเจอริง บริษัทผู้ผลิตชิป ซึ่งพบเห็นหุ้นของพวกเขาในตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเกือบ 10% หลังรายงานประกอบการแข็งแกร่งเกินคาด
ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คาดหมายว่าธนาคารกลางแห่งนี้น่าจะปรับลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3 แต่มีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการปรับลดดอกเบี้ยก่อนหน้านั้น
ส่วนราคาทองคำปิดบวกอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.) นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 15.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,021.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)