ราคาน้ำมันขยับขึ้นมากกว่า 2% ในวันอังคาร (26 ธ.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบเดือน เหตุโจมตีเรือในทะเลแดงก่อความกังวลด้านการขนส่ง ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำปิดบวก จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ใกล้จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยแล้ว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 2.01 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กลุ่มติดอาวุธฮูตีในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน อ้างความรับผิดชอบเหตุยิงจรวดโจมตีเรือสินค้าลำหนึ่งในทะเลแดงเมื่อวันอังคาร (26 ธ.ค.) และสำหรับเหตุโจมตีอิสราเอลด้วยโดรน
รัฐมนตรีอิสราเอลรายหนึ่งในวันอังคาร (26 ธ.ค.) แย้มว่าประเทศของเขาได้แก้แค้นในอิรัก เยเมน และอิหร่านไปแล้ว สำหรับเหตุโจมตีเล่นงานพวกเขา ขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ดูท่าจะขยายวงสู่พื้นที่อื่นๆ ในภูมิภาคและยอดผู้เสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันอังคาร (26 ธ.ค.) เริ่มต้นสัปดาห์สุดท้ายของปี 2023 ด้วยความคาดหมายว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมีนาคม ซึ่งอาจช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและกระตุ้นอุปสงค์ทางพลังงาน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 159.36 จุด (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 37,545.33 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 20.12 จุด (0.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,774.75 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 81.60 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,074.57 จุด
ตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวกต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ (22 ธ.ค.) หลังข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อกำลังอ่อนตัวลงใกล้ระดับเป้าหมายเฉลี่ยรายปี 2% ของเฟด
ความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในช่วงเดือนมีนาคม ผลักให้ราคาทองคำในวันอังคาร (26 ธ.ค.) ปรับขึ้นเช่นกัน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ ปิดที่ 2,069.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)