ราคาน้ำมันขยับลงกว่า 1% ในวันพุธ(27ธ.ค.) จับตาสถานการณ์ในทะเลแดง หลังเรือขนส่งสินค้ากลับมาล่องผ่าน แม้ยังเหตุโจมตีเพิ่มเติมในวันอังคาร(26ธ.ค.) ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ดันทองคำดีดตัว ส่วนวอลล์สตรีทปิดในกรอบแคบๆ ยังมองในแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 1.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 1.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
Maersk บริษัทเดินเรือสัญชาติเดนมาร์ก เปิดเผยว่าเรือขนส่งสินค้าหลายสิบลำของพวกเขา มีกำหนดเดินทางผ่านช่องแคบสุเอซและทะเลแดงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังระงับใช้เส้นทางนี้ชั่วคราวในเดือนนี้ ตามหลังเหตุโจมตีโดยฝีมือของกลุ่มติดอาวุธฮูตีในเยเมน ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
ในขณะที่บริษัท CMA CGM ของฝรั่งเศส ก็กลับมาขนส่งสินค้าผ่านทะเลแดงเช่นกัน หลังกองกำลังเฉพาะกิจนานาชาติเข้าประจำการในภูมิภาค
อย่างไรก็ตามปัจจัยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ท่ามกลางสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ผลักให้ราคาทองคำในวันพุธ(27ธ.ค.) ขยับขึ้นอีกรอบ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 23.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,093.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(27ธ.ค.) ปิดในกรอบแคบๆ ขาดตัวเร่งสำคัญๆ แต่นักลงทุนยังคงมองในแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มความเคลื่อนไหวปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าของเฟด
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 111.19 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 37,656.52 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.83 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,781.58 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 24.60 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,099.18 จุด
ตลาดได้แรงหนุนต่อเนื่องมากว่า 2 สัปดาห์ หลังจากเฟดส่งสัญญาณยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ย และเปิดประตูสำหรับความเป็นไปได้ในการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2024
เวลานี้นักลงทุนคาดหมายว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 84% จากระดับราวๆ 21% ในเดือนพฤศจิกายน
(ที่มา:รอยเตอร์)
