หญิงอเมริกันที่ร่วมมือแฟนหนุ่มก่อเหตุฆ่ามารดาตัวเอง แล้วยัดศพลงกระเป๋าเดินทางระหว่างไปท่องเที่ยวที่เกาะบาหลีเมื่อปี 2014 ถูกศาลสหรัฐฯ พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 26 ปี
ฮีทเธอร์ แมค (Heather Mack) เคยถูกศาลอินโดนีเซียพิพากษาจำคุก 10 ปี เมื่อปี 2015 ฐานสมคบคิดฆ่านางชีลา ฟอน ไวส์-แมค (Sheila von Wiese-Mack) ซึ่งเป็นมารดาของเธอเอง ก่อนจะได้รับการพักโทษและส่งตัวกลับสหรัฐฯ ในปี 2021
แมค ถูกจับอีกครั้งหลังเดินทางกลับถึงสหรัฐฯ ในความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดฆาตกรรมพลเมืองอเมริกัน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างที่บุคคลทั้งสามเดินทางไปเที่ยวเกาะบาหลีเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2014 โดย แมค และทอมมี เชเฟอร์ (Tommy Schaefer) ซึ่งเป็นแฟนหนุ่ม พยายามปกปิดความผิดด้วยการนำศพนางฟอน ไวส์-แมค ยัดลงกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถแท็กซี่ แต่สุดท้ายก็ถูกตำรวจอินโดนีเซียรวบตัวได้ทันควัน
ตามรายงานของ BBC ระบุว่า ทั้งสองวางแผนฆาตกรรมมารดาของฝ่ายหญิง เพราะหวังจะเข้าถึงเงินกองทุนทรัสต์ที่มีมูลค่าราว 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เชเฟอร์ ถูกศาลอิเหนาตัดสินจำคุก 18 ปี ฐานเจตนาฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะที่ แมค ซึ่งตอนนั้นอายุเพียง 19 ปี ถูกสั่งจำคุก 10 ปีฐานสมรู้ร่วมคิด
แมค ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำชิคาโกตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดผู้พิพากษา แมทธิว เคนเนลลี ได้มีคำตัดสินเมื่อวานนี้ (17) ให้ แมค ต้องโทษจำคุก 26 ปี แต่เนื่องจากเธอถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมาแล้วระยะหนึ่งจึงได้เครดิตลดโทษ เหลือจำคุกเพียงราว 23 ปี
อัยการสหรัฐฯ ระบุว่า แมค ซึ่งขณะก่อเหตุอายุ 18 ปี และกำลังตั้งครรภ์ ได้เข้าไปปิดปากมารดาระหว่างที่แฟนหนุ่มของเธอเอาอ่างใส่ผลไม้ทุบเข้าที่ศีรษะ จากนั้นทั้งคู่จึงนำศพของนางฟอน-ไวส์ แมค ยัดใส่กระเป๋าเดินทางและทิ้งไว้ที่ท้ายรถแท็กซี่ กระทั่งคนขับรถมาเห็นจึงแจ้งตำรวจ
ตอนแรก แมค ยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนจะเปลี่ยนใจยอมรับผิด หลังอัยการสหรัฐฯ ยื่นเงื่อนไขรับสารภาพซึ่ง “เป็นที่น่าพอใจ”
ระหว่างที่ศาลอ่านคำพิพากษา บิล ไวส์ ซึ่งเป็นพี่ชายของ แมค ได้ขอให้ศาลลงโทษขั้นสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยให้เหตุผลว่า แมค “ไม่เคยมีท่าทีสำนึกผิด” ต่อสิ่งที่ได้กระทำต่อบุพการี
“ถ้าให้ผมเป็นคนตัดสิน ฮีทเธอร์จะต้องชดใช้กรรมในคุกไปตลอดชีวิต” ไวส์ กล่าว
ปัจจุบัน เชเฟอร์ ยังคงถูกจำคุกอยู่ที่อินโดนีเซีย
ที่มา : BBC, MGROnline