ปาฏิหาริย์มีจริง ญี่ปุ่นช่วยหญิงชราวัย 90 ปี หลังติดอยู่ใต้ซากบ้านที่พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวนาน 5 วัน ขณะที่ปฏิบัติการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ต้องผจญกับทั้งหิมะและลูกเห็บ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีความแรง 7.5 ในญี่ปุ่นเมื่อวันขึ้นปีใหม่ ทางการแดนอาทิตย์อุทัยอัปเดตยอดผู้เสียชีวิตจนถึงวันอาทิตย์ (7 ม.ค.) สูงขึ้นเป็นอย่างน้อย 126 คน รวมทั้งคาดว่าตัวเลขจะยังคงเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ยังมีรายงานผู้สูญหายถึง 222 คน
ความรุนแรงของแผ่นดินไหวส่งผลให้อาคารบ้านเรือนมากมายพังถล่ม มีไฟไหม้ใหญ่ และเกิดคลื่นสึนามิสูงกว่า 1 เมตร นอกจากนั้น ยังมีอาฟเตอร์ช็อกติดตามมาอีก โดยที่หลายครั้งมีความรุนแรงระดับ 5
โดยปกติแล้วความหวังในการพบผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินใหญ่ขนาดใหญ่เช่นนี้จะลดฮวบลงภายใน 3 วัน หรือ 72 ชั่วโมงหลังเกิดการสั่นไหวใหญ่
อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์และวิทยุเอ็นเอชเคของทางการญี่ปุ่นรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ (6 ม.ค.) หรือหลังเกิดธรณีพิโรธแล้ว 5 วัน ทีมกู้ภัยสามารถช่วยหญิงชราวัย 90 ปีขึ้นมาจากใต้ซากบ้านในเมืองซูซุ อย่างปลอดภัย โดยเธอมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ และเวลานี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย
โฆษกสำนักงานตำรวจโตเกียวยืนยันกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ปฏิบัติการกู้ภัยดังกล่าวดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่จากโตเกียวและฟูกูโอกะ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพฤหัสบดี (4) เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยชีวิตสตรีในวัย 80 ปีเศษผู้หนึ่งจากกองปรักหักพังที่เคยเป็นบ้านของเธอ
สำหรับสภาพโดยทั่วไปของเขตภัยพิบัติคราวนี้ ชุมชนหลายแห่งบนคาบสมุทรโนโตะ ของเกาะฮอนชู ที่เป็นจุดศูนย์กลางเหนือแผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (1 ม.ค.) ยังคงถูกตัดขาดเนื่องจากถนนเสียหาย และเกิดดินถล่มราว 1,000 จุด เป็นอุปสรรคขัดขวางรถลำเลียงสิ่งบรรเทาทุกข์ นอกจากนั้น ยังมีการพยากรณ์ว่าที่นี่จะมีหิมะตกในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (7 ม.ค.)
สภาพอากาศเลวร้ายเพิ่มอุปสรรคต่อภารกิจกู้ภัยของตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่อื่นๆ นับพันคน รวมทั้งยังสร้างความยากลำยากยิ่งขึ้นสำหรับประชาชนกว่า 30,000 คน ซึ่งต้องอยู่ในสถานที่พักพิงของรัฐบาล 366 แห่ง ขณะที่การจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยที่ไม่มีน้ำและไฟฟ้าใช้เป็นไปอย่างล่าช้า
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ให้สัมภาษณ์เอ็นเอชเคเมื่อวันอาทิตย์ว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการช่วยผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังและเข้าถึงชุมชนที่ถูกตัดขาด พร้อมประกาศว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนในการฟื้นฟูและปฏิสังขรณ์พื้นที่ประสบภัยอย่างไม่หยุดหย่อน โดยไม่คำนึงถึงงบประมาณที่มีจำกัด โดยเมื่อวันศุกร์ (5 ม.ค.) คิชิดะเผยว่า รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ 32.77 ล้านดอลลาร์สำหรับการปฏิสังขรณ์พื้นที่ประสบภัย
ระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ คิชิดะยังบอกอีกว่า รัฐบาลได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจและหน่วยดับเพลิงเพื่อเข้าถึงพื้นที่ประสบภัย จากก่อนหน้านี้ที่กองทัพส่งทหารกลุ่มเล็กๆ เดินเท้าเข้าไปยังชุมชนที่ถูกตัดขาด
ผู้นำญี่ปุ่นเสริมว่า นอกจากความพยายามเหล่านี้ รัฐบาลยังจำเป็นต้องปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ในสถานที่พักพิงและสุขภาพของผู้ประสบภัย เนื่องจากคนเหล่านั้นอาจยังต้องอยู่ในสถานที่พักพิงเป็นเวลานาน
อนึ่ง เมื่อวันเสาร์ ผู้ว่าการจังหวัดอิชิกาวะบนคาบสมุทรโนโตะ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดเป็นภัยพิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่ดังกล่าว
ทุกปี ญี่ปุ่นเผชิญแผ่นดินไหวนับร้อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่ไม่มีความเสียหาย เนื่องจากมีการบังคับใช้กฎหมายก่อสร้างที่เข้มงวดมานานกว่า 4 ทศวรรษ
กระนั้น ยังมีอาคารหลายแห่งที่มีอายุนานกว่านั้น โดยเฉพาะในชุมชนเก่าแก่ในชนบทอย่างเช่นโนโตะ
สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ที่ยังคงหลอกหลอนคนญี่ปุ่นคือแผ่นดินไหวในปี 2011 ที่ทำให้เกิดสึนามิ และมีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายราว 18,500 คน รวมทั้งยังทำให้เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ
(ที่มา : เอเอฟพี, เอพี, เอเจนซีส์)