รัฐบาลสหรัฐฯ แถลงวันนี้ (5 ม.ค.) ว่ากำลังเตรียมส่งความช่วยเหลือและการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ไปยังพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวของญี่ปุ่น ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 94 คน สูญหายกว่า 200 คน และมีประชาชนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนอีกราว 33,000 คน
“สหรัฐฯ จะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนและพันธมิตรของเราในการตอบสนองภัยพิบัติแผ่นดินไหว การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ทางทหาร อาหาร และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นอื่นๆ กำลังถูกตระเตรียม” ราห์ม เอมมานูเอล เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น โพสต์ข้อความผ่านทาง X
แผ่นดินไหว 7.6 แมกนิจูดซึ่งเกิดขึ้นบริเวณคาบสมุทรโนโตะทางตะวันตกของญี่ปุ่นเมื่อบ่ายของวันขึ้นปีใหม่ ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนพังเสียหายเป็นจำนวนมาก และยังเกิดคลื่นสึนามิ รวมถึงทำให้ชุมชนห่างไกลบางแห่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ในขณะที่ภารกิจกู้ภัยฉุกเฉินเริ่มเปลี่ยนจากการช่วยชีวิตเข้าสู่โหมดของการฟื้นฟู นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้รับข้อเสนอส่งความช่วยเหลือ และถ้อยคำแสดงความเสียใจจากหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไต้หวันและจีน
อย่างไรก็คาม โยชิมาสะ ฮายาชิ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่าญี่ปุ่นได้มีการหารือกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับความช่วยเหลือฉุกเฉินแล้ว พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะรับความช่วยเหลือจากชาติอื่นๆ รวมถึง “จีน” ในเวลานี้
เจ้าหน้าที่อเมริกันผู้ไม่ประสงค์ออกนามให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า ทั้ง 2 รัฐบาลกำลังมีการประสานงานกันเกี่ยวกับภารกิจช่วยเหลืออาจที่เป็นไปได้ของกองทัพสหรัฐฯ
สหรัฐฯ มีทหารประจำการในญี่ปุ่นมากถึง 54,000 นาย ซึ่งถือเป็นกองกำลังอเมริกันขนาดใหญ่ที่สุดที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในต่างแดน ตามข้อมูลจากสภาชิคาโกว่าด้วยกิจการแห่งโลก (Chicago Council on Global Affairs)
ด้วยจำนวนผู้สูญหายที่ยังคงสูงกว่า 200 คน ภัยพิบัติครั้งนี้ถือว่ารุนแรงกว่าเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 2016 และอาจเป็นแผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายที่สุดของญี่ปุ่นถัดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 9.0 ซึ่งก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มชายฝั่งตะวันออกของแดนอาทิตย์อุทัยเมื่อปี 2011
ชิเงรุ ซากากุชิ นายกเทศมนตรีเมืองวาจิมะ (Wajima) ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายหนักที่สุด ยอมรับว่าอาจจะยังมีประชาชนติดอยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่มอีกกว่า 100 คน ตามข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ไมนิจิ
ที่มา : รอยเตอร์