(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Israel in the shadow of American decline
By DAVID P GOLDMAN
21/12/2023
สำหรับการดำรงคงอยู่ของอิสราเอล ฮามาสยังคงเป็นภัยคุกคามที่ด้อยความสำคัญกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการพังทลายของฐานะความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐฯ
พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าครั้งที่สองว่า “เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นหม้อใบหนึ่งกำลังเดือดอยู่ ปากหม้อเทมาจากทางทิศเหนือ”
แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เหตุร้ายจะปะทุจากทิศเหนือมาเหนือชาวแผ่นดินนี้ทั้งสิ้น
เยเรมีย์ 1:13-14
(Jeremiah 1:13-14)
(คำแปลภาษาไทยนี้ คัดมาจาก https://www.bible.com/th/bible/174/JER.1.THSV11)
หากพูดกันอย่างเคร่งครัดแล้ว ในทัศนะของผู้เขียน (เดวิด พี. โกลด์แมน) สงครามกาซาของอิสราเอลไม่ใช่โศกนาฏกรรม หากแต่เป็นอุบัติเหตุอันน่าสยดสยอง สงครามจำนวนมากรอคอยเวลาอยู่เป็นปีๆ กว่าที่จะเกิดขึ้นมา จวบจนกระทั่งมันไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกต่อไปแล้ว สงครามแบบนั้นแหละที่สมควรเรียกว่าเป็นโศกนาฏกรรม
แต่สงครามครั้งนี้ไม่เคยสมควรที่จะเกิดขึ้นมาเลย ฝ่ายข่าวกรองของอิสราเอลมีแผนการ [1] การเข้าโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมอยู่ในมือล่วงหน้า 1 ปีมาแล้ว เช่นเดียวกันสัญญาณเตือนภัยเร่งด่วน [2] จากพวกเจ้าหน้าที่ชั้นล่างๆ ไม่นานก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น ทว่าคณะผู้นำระดับสูงทางการทหารและทางการเมืองบอกปัดไม่ยอมรับฟังไม่ยอมรับพิจารณา
สภาพเช่นนี้สอดคล้องมากกว่ากับแบบแผนเก่าแก่อย่างหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า สตาลินนั้นรู้เรื่องแผนการสำหรับ “ยุทธการบาร์บารอสซา” (Operation Barbarossa แผนการบุกรุกรานสหภาพโซเวียตครั้งมโหฬารของนาซีเยอรมนี) โดยที่ได้รับมาจากริคาร์ด ซอร์เกอ (Richard Sorge) สายลับของเขา หน่วยข่าวกรองกองทัพเรือสหรัฐฯ ก็ได้เตือนเอาไว้หลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องญี่ปุ่นจะเข้าโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ และสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) มีตัวต่อจิ๊กซอว์ของเหตุการณ์ 9 กันยายน 2001 หลายๆ ชิ้น ทว่าบกพร่องล้มเหลวไม่ได้นำเอาชิ้นส่วนเหล่านี้มาปะติดปะต่อกัน
พวกหน่วยข่าวกรองไม่ได้รับรางวัลสำหรับผลงานการเตือนภัยอย่างทันเวลาหรอก แต่ได้รับรางวัลสำหรับผลงานการรับใช้วาระทางการเมืองต่างๆ ของเจ้านายของพวกเขาต่างหาก และพวกสปายสายลับซึ่งถูกเล่าขานเลื่องลือกันเป็นนิยายของอิสราเอล เอาเข้าจริงก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเพื่อนร่วมอาชีพของพวกเขาในประเทศอื่นๆ ด้วยความเชื่อ [3] ที่ว่าเงินทอง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนในรูปของเงินอุดหนุนจากกาตาร์ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ทางเศรษฐกิจอื่นๆ จะสามารถทำให้พวกฮามาสยอมอยู่เงียบๆ รัฐบาลอิสราเอลก็ถึงขั้นปฏิเสธไม่พิจารณาอะไรอย่างอื่นอีกแล้ว
ระหว่างทหารประจำการจำนวน 300,000 คนจากกองทัพอิสราเอล (Israel Defense Forces) กับกองกำลังฮามาสติดอาวุธเบาจำนวน 30,000 ถึง 40,000 คน พูดง่ายๆ ว่ามันไม่สามารถที่จะต่อสู้กันได้อยู่แล้ว ทำนองเดียวกับที่พวกไอซิส (ISIS อีกชื่อเรียกหนึ่งของกลุ่มรัฐอิสลาม IS -ผู้แปล) ไม่สามารถต่อสู้กับกองทัพอเมริกันและกองกำลังตัวแทนของอเมริกันได้นั่นเอง ฮามาสจะถูกทำลายไปจนสิ้นซากจากกาซา หรือแค่จะถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากจากกาซานั้น มันขึ้นอยู่กับว่าอิสราเอลสามารถต้านทานได้มากน้อยแค่ไหนต่อแรงกดดันของฝ่ายอเมริกันที่จะทำให้การปฏิบัติการของอิสราเอลต้องด้อยคุณภาพลงไป
แต่ไม่ว่าในกรณีไหนก็ตามที ผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่ได้แตกต่างอะไรกันนักหนาหรอก สิ่งซึ่งยังไงเสียก็จะเกิดขึ้น คือ ชาวบ้านชาวเมือง 2 ล้านคนของกาซาแทบทั้งหมดจะต้องใช้ชีวิตในระยะเวลาสองสามปีข้างหน้านี้ในค่ายพักที่มีแต่เต็นท์ให้พักอาศัย ขณะที่ส่วนอื่นๆ ที่เหลือของโลกต่อรองกันว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับพวกเขาต่อไป สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาจะคล้ายคลึงกับพวกผู้ลี้ภัยชาวยิวมากกว่า 200,000 คนผู้ที่พำนักอาศัยอยู่ในเมืองเต็นท์เป็นเวลานานถึง 2 ปีหลังจากพวกเขาถูกขับไล่ออกจากประเทศอาหรับต่างๆ ภายหลังสงครามในปี 1948
สำหรับความสยดสยองทั้งหลายทั้งปวงของการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม มันไม่ได้กลายเป็นวิกฤตแห่งการดำรงคงอยู่แต่อย่างใด สำหรับประเทศซึ่งมีกำลังทหารเกรียงไกรที่สุดในภูมิภาค และมีศักยภาพอย่างพิเศษผิดธรรมดาสำหรับความสมัครสมานแห่งชาติในยามที่เผชิญกับภัยคุกคามจากภายนอก
ภัยอันตรายต่อการดำรงคงอยู่ของอิสราเอลนั้น ไม่ได้มาจากชายแดนตอนใต้ของพวกเขาหรอก หากแต่—อย่างที่ระบุไว้ใน Jeremiah 1:13-14 –มาจากทางตอนเหนือไกลโพ้นออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งยูเครน คณะบริหารไบเดนก่อนหน้านี้เคยจินตนาการเอาไว้ว่าพวกเขาสามารถบีบบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองขึ้นมาในรัสเซีย โดยผ่านการใช้มาตรการลงโทษแซงก์ชันชนิดมุ่งทำให้ประเทศนี้กลายเป็นอัมพาต
ทว่าแทนที่จะเป็นเช่นนี้ การค้าของโลกและกระแสการเงินของโลกส่วนใหญ่ๆ ส่วนหนึ่งทีเดียวได้หลีกเลี่ยงจากการแซงก์ชันของอเมริกัน ทำให้รัสเซียแทบไม่ได้สูญเสียรายรับจากน้ำมัน [4] ลงไปเลย ขณะที่ยังคงได้รับซัปพลายพวกส่วนประกอบไฮเทคต่างๆ อย่างสม่ำเสมอจากจีน ทั้งทางตรงและโดยผ่านพวกคนกลางอย่างเช่น ตุรกี คาซัคสถาน จอร์เจีย และอาร์เมเนีย
แทนที่เศรษฐกิจของรัสเซียจะกำลังพังทลายลงมาถึงราว 50% อย่างที่ประธานาธิบดีไบเดนวาดหวังพยากรณ์เอาไว้ มันกลับเติบโตขยายตัวได้ด้วยอัตรา 3% ในปี 2023 หลังจากหดตัวลงเพียงแค่ 2.1% ในปี 2022 ตัวปูตินเองยังได้รับคะแนนเรตติ้งยอมรับผลงานถึง 80% [5] จากการสำรวจ ณ เดือนตุลาคม 2023 ทีมไบเดนนี่แหละคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบสำหรับความผิดพลาดจากการขาดความไตร่ตรองครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของนโยบายการต่างประเทศอเมริกันซึ่งมีการพลิกผันเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ
ฐานะทางยุทธศาสตร์ของอเมริกากำลังจะได้รับความเสียหายจากการถูกฟาดกระหน่ำอย่างชนิดสร้างความวิบัติหายนะได้พอๆ กับ (และบางทีกระทั่งยิ่งเสียกว่า) การพังครืนของเวียดนามเมื่อปี 1975 เสียอีก ด้วยจำนวนประชากรที่พำนักอาศัยกันอยู่ภายในประเทศจริงๆ ไม่ถึง 30 ล้านคน แต่ต้องต่อสู้กับประชากร 147 ล้านคนของรัสเซีย ยูเครนจึงไม่สามารถหาผู้คนเข้าสู่สนามรบได้มากเพียงพอสำหรับตรึงแนวรบเอาไว้ให้อยู่ ในการต่อกรกับกองทัพรัสเซียซึ่งมีเทคโนโลยีพอฟัดพอเหวี่ยงกันแต่มีกำลังยิงที่ใหญ่โตมโหฬารกว่านักหนา
ฝ่ายตะวันตกไม่สามารถผลิตลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาดหนักได้มากเพียงพอ ดังนั้นยูเครนจึงกำลังยิงลูกกระสุนปืนใหญ่เฮาวิตเซอร์ได้ในระดับเป็นร้อยๆ นัดต่อวัน ขณะที่รัสเซียสามารถยิงกันวันละเป็นพันๆ นัด ทั้งสองข้างต่างสูญเสียกำลังพลไปในระหว่าง 70,000 ถึง 100,000 คน แล้วยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวน 3-4 เท่าตัวของตัวเลขนี้ ทว่ารัสเซียมีผู้คนมากมายยิ่งกว่าหลายเท่าตัวนัก ประดาอาวุธล้ำเลิศมหัศจรรย์ของฝ่ายตะวันตก ปรากฏว่าไม่มีอันไหนเลยที่สามารถสร้างความแตกต่างขึ้นมาได้ แล้วฝ่ายรัสเซียก็มีอาวุธโดดเด่นพิสดารบางอย่างของพวกเขาเองเหมือนกัน เช่นเดียวกับที่พวกเขาครองความเป็นเจ้าเวหาเอาไว้ได้อย่างชัดเจน
ความพยายามที่จะผลักดันแนวพรมแดนของนาโตให้ขยายไปประชิดชายแดนรัสเซีย-ยูเครน อาจจะถือเป็นการกระทำที่งี่เง่าที่สุดในดรามาน่าสังเวชเรื่องนี้ของนโยบายการต่างประเทศอเมริกัน และคำประกาศของประธานาธิบดีไบเดนเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2022 ที่ว่าไม่สามารถยินยอมปล่อยให้ ปูติน อยู่ในอำนาจได้อีกต่อไปแล้ว อาจจะกลายเป็นคำคุยโตที่กลวงในที่สุดเท่าที่เคยโม้กันเอาไว้ของพวกผู้นำชาวอเมริกัน
พวกชนชั้นนำด้านนโยบายการต่างประเทศอเมริกันต่างพากันนำเครดิตความน่าเชื่อถือของพวกเขามาพนันวางเดิมพันเอาไว้ว่าสงครามคราวนี้จะเกิดผลลัพธ์ในทำนองเดียวกันนี้เหมือนกัน ชนิดที่แทบไม่มีข้อยกเว้นเอาเลย ถึงแม้มีขาใหญ่ของชนชั้นนี้ 2-3 คน อย่างเช่น ริชาร์ด ฮาสส์ (Richard Haass) [6] พูดถึง “การนิยามกันใหม่เกี่ยวกับความสำเร็จในยูเครน” ซึ่งก็คือ การประกาศอ้างว่าได้ชัยชนะแล้ว จากนั้นจะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ผู้คนในชนชั้นนี้ส่วนใหญ่แล้วยังคงผนึกรวมกำลังกันอย่างเหนียวแน่น สืบเนื่องจากหวั่นเกรงว่าถ้าหากขืนแหวกแนวออกไปทำอย่างอื่น บทลงโทษในทางวิชาชีพที่ต้องเจอจะสาหัสมากทีเดียว
การสร้างศัตรู
บรรยากาศในวอชิงตันเวลานี้ละม้ายคล้ายคลึงกับในกรุงเวียนนา ช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 1914 อย่างที่พรรณนาเอาไว้โดย โรเบิร์ต มูซิล (Robert Musil) ในนวนิยายเรื่อง “The Man Without Qualities” (ตีพิมพ์ปี 1930) นั่นคือ: ท่านผู้อ่าน (ซึ่งขณะอ่านนวนิยายเล่มนี้ ย่อมต้องมีชีวิตอยู่ภายหลังเหตุการณ์ที่กล่าวถึงในเรื่องได้ผ่านไปแล้วอย่างน้อยสิบกว่าปี -ผู้แปล) นั้นทราบเป็นอย่างดี ทว่าตัวละครสำคัญๆ ในเรื่องไม่มีตัวไหนเลยทราบว่าโลกแห่งมายาภาพทั้งหลายของพวกเขานั้นกำลังจะมาถึงจุดจบอันน่าหวาดกลัว เวลานี้ชนชั้นนำอเมริกันก็ปฏิเสธไม่ยอมรับรู้สิ่งนี้ ทว่ารัสเซียนั้นรู้เป็นอันดี เช่นเดียวกับจีน พวกรัฐริมอ่าวเปอร์เซีย และคนอื่นๆ ทุกๆ คน
ความเปลี่ยนแปลงในดุลแห่งอำนาจของโลกภายหลังการพังทลายของยูเครน จะต้องมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากจนกระทั่งบรรดาเพลเยอร์ทุกๆ ตัวในเกมระดับโลกเกมนี้ต่างแสดงท่าทีระมัดระวังตัวอย่างสูงเกี่ยวกับก้าวเดินต่อจากนี้ไปของพวกเขา ทว่ารัสเซียกับจีนนั้นกำลังหยั่งเชิงมองหาจุดอ่อนต่างๆ ของอเมริกัน ด้วยวิธีการทั้งหลายแหล่ซึ่งพวกเขาคอยประคับประคองเอาไว้ให้ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าที่จะเป็นสาเหตุของการสู้รบขัดแย้งขึ้นมา ทั้งนี้เพื่อทดสอบว่าฝ่ายอเมริกันจะตอบโต้อย่างไร
อิสราเอลคือผู้ที่จะต้องได้รับบาดเจ็บถูกลูกหลงไปด้วย อิสราเอลนั้นจำเป็นต้องได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องกระสุน และชิ้นส่วนอะไหล่จากอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อคลังแสงอเมริกันซึ่งจัดเก็บเครื่องกระสุนกำลังร่อยหรอหมดเกลี้ยงไปเสียแล้วจากสงครามยูเครน นอกจากนั้นแล้วอิสราเอลยังต้องพึ่งพาอาศัยการออกเสียงวีโต้ของอเมริกาในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอีกด้วย
มันไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลยสำหรับการที่คณะบริหารไบเดน ซึ่งมีทัศนะมุ่งคำนึงถึงท่าทีเห็นอกเห็นใจฝักใฝ่ปาเลสไตน์ของฐานเสียงฝ่ายก้าวหน้าของพวกเขา กำลังพยายามดึงรั้งอิสราเอลเอาไว้เท่าที่พวกเขาสามารถกระทำได้เพื่อไม่ให้ใช้การปฏิบัติการทางทหารอันจำเป็นสำหรับการกวาดล้างพวกฮามาสให้สิ้นซาก ถึงแม้ความเป็นพันธมิตรกับอเมริกันเป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดหายไปได้สำหรับอิสราเอลในระยะสั้น แต่ความเสื่อมโทรมแห่งพลังอำนาจของอเมริกันก็จะต้องมีส่วนส่งผลต่อการที่อิสราเอลจะถูกโอบล้อมทางยุทธศาสตร์ในเวลาต่อไปข้างหน้า
เฮนรี คิสซินเจอร์ (Henry Kissinger) ผู้ล่วงลับ ถูกตั้งคำถามเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งสุดท้ายของเขา [7] ว่า “มีความเป็นไปได้สำหรับรัสเซียหรือไม่ที่จะแสดงตัวเข้าเกี่ยวข้องพัวพันในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่โต?” เขาตอบว่า “ก่อนสงครามยูเครน รัสเซียโดยทั่วไปแล้วเข้าข้างอิสราเอลในการประจันหน้ากับพวกอาหรับ แต่ถ้าในตอนนี้รัสเซียจะเข้ามาแทรกแซง พวกเขาก็มีทางเลือก 2 ทาง ได้แก่ การเข้าร่วมอยู่ในฝ่ายอาหรับ หรือไม่ก็แสดงตัวในฐานะคนกลางไกล่เกลี่ยในวิกฤตการณ์ครั้งนี้ –ซึ่งมันจะดูแปลกประหลาดทีเดียวเมื่อพิจารณาจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ของสงครามยูเครน”
ตั้งแต่ที่รัสเซียเข้าแทรกแซงในสงครามกลางเมืองซีเรียเมื่อปี 2015 เพื่อป้องกันไม่ให้พวกกลุ่มญิฮาดสุหนี่ที่ต่อต้านรัฐบาลอัสซาดสามารถคืบคลานเข้าสู่ดินแดนแถบคอเคซัสของรัสเซีย อิสราเอลและรัสเซียก็ได้ประคับประคองความสัมพันธ์ระหว่างกันในยุทธบริเวณซีเรีย ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่มีความถูกต้องถึงแม้ไม่ได้มีความเป็นมิตรไมตรีต่อกัน
ฝ่ายรัสเซียยืนดูอยู่เฉยๆ ขณะที่กองทัพอากาศอิสราเอลบินโจมตีเป็นพันๆ เที่ยวใส่พวกกองกำลังท้องถิ่นซึ่งหนุนหลังโดยอิหร่านในซีเรีย การโจมตีเหล่านี้มีความสำคัญยิ่งยวดสำหรับความมั่นคงปลอดภัยของอิสราเอลในบริเวณปีกด้านเหนือของพวกเขา ที่ซึ่งพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ที่มีขนาดใหญ่เป็น 3 เท่าตัวของพวกฮามาส แถมติดอาวุธด้วยขีปนาวุธจำนวนมหาศาล --บางทีอาจจะถึง 150,000 ลูกเลยทีเดียว โดยมีทั้งจรวดที่เป็นโมเดลสมัยใหม่จำนวนมากซึ่งอาจจะสามารถหลบหลีกการป้องกันของฝ่ายอิสราเอลได้
เวลานี้การที่รัสเซียมีท่าทีหันไปหาอิหร่านจึงเป็นสิ่งซึ่งอิสราเอลพึงต้องกังวลสนใจอย่างจริงจัง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน อิหร่าน [8] ประกาศว่าพวกเขาได้ “ทำความตกลงขั้นสุดท้าย” ในข้อตกลงที่จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่แบบซู-35 (SU-35) จากรัสเซียแล้ว ทั้งนี้ ซู-35 เป็นอากาศยานที่สามารถเปรียบเทียบได้อย่างหยาบๆ ว่าทัดทานกับเอฟ-15 (F-15) ซึ่งฝ่ายอิสราเอลใช้อยู่ ไม่เป็นที่ทราบกันว่าฝ่ายรัสเซียจะขายเครื่องบินรบคราวนี้แบบเต็มพิกัดพรักพร้อมด้วยพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการบินระดับก้าวหน้าและขีปนาวุธชนิดยิงจากอากาศสู่อากาศ หรือว่าเป็นแค่เวอร์ชันเพื่อส่งออกซึ่งมีสมรรถนะด้อยลงมา เราคงตั้งสมมติฐานเอาไว้ได้ว่า นี่เป็นเรื่องสำหรับการเจรจาต่อรองกัน
พวกรัสเซียนั้นเล่นหมากรุก (สากล) ขณะอเมริกันเล่มเกมโมโนโพลี และเห็นได้ชัดว่าการเดินหมากของรัสเซียเพื่อตอบโต้ที่ทางอเมริกันพยายามควบคุมศูนย์กลางของกระดานในยูเครน ก็คือ การเปิดหมากแบบ fianchetto โดยใช้อิหร่าน
ผมเคยเตือนเอาไว้เมื่อปี 2008 [9] ดังนี้:
“ถ้าหากวอชิงตันเลือกที่จะทำให้รัสเซียกลายเป็นปีศาจร้าย สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นมาเป็นอย่างยิ่งก็คือรัสเซียจะกลายเป็นตัวก่อกวนคอยสร้างความเสียหายให้แก่ผลประโยชน์ต่างๆ ทางยุทธศาสตร์ของอเมริกันโดยรวม และใช้ปัญหาอิหร่านเป็นตัวสร้างความยุ่งยากให้แก่อเมริกาอย่างชนิดคาดไม่ถึง นี่ต้องถือเป็นความเสี่ยงที่จริงจังร้ายแรง เพราะการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์คือหนทางประการหนึ่งซึ่งพวกระบอบปกครองผิดกฎหมายสามารถสร้างภัยคุกคามอย่างสาหัสให้แก่มหาอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งหลายได้ รัสเซียนั้นเผชิญคำถามต่างๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของการปฏิบัติอย่างไรให้เกิดความได้เปรียบ แต่เป็นคำถามของการดำรงคงอยู่ เป็นคำถามของความอยู่รอด และพวกเขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาสามารถกระทำได้เพื่อให้มีลู่ทางสำหรับการวางแผนดำเนินกลอุบาย ถ้าหากฝ่ายตะวันตกคิดเสาะหาทาง “ลงโทษ” พวกเขาสำหรับการกระทำต่างๆ ของพวกเขาในจอร์เจีย
เรื่องย้อนแย้งอย่างหนึ่งของวิกฤตในปัจจุบันก็คือว่า พวกอนุรักษนิยมใหม่ (neo-conservatives) ในวอชิงตันนั้น จากการที่พวกเขากำลังเรียกร้องให้ใช้จุดยืนแบบดุดันเพื่อต่อต้านรัสเซีย มันก็อาจสร้างความเสียหายอย่างลึกซึ้งให้แก่บรรดาผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของอิสราเอล ยิ่งกว่าพวกกล่าวร้ายอิสราเอลในวงการเมืองอเมริกันไม่ว่าคนไหนๆ เสียอีก พวกอนุรักษนิยมใหม่ไม่ใช่ว่าจะเป็นพวกคนเชื้อยิวเสมอไป แต่พวกเขาจำนวนมากคือชาวยิวผู้มีความกังวลห่วงใยอย่างล้ำลึกในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของอิสราเอล –เฉกเช่นเดียวกับผู้เขียนคนนี้ (เดวิด พี. โกลด์แมน) ถ้าอเมริกาเปลี่ยนแปลงหันเหให้รัสเซียกลายเป็นปรปักษ์ทางยุทธศาสตร์รายหนึ่งขึ้นมาแล้ว โอกาสความน่าจะเป็นแห่งการอยู่รอดของอิสราเอล ก็จะลดฮวบลงไปอักโขทีเดียว”
การที่ปูตินเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในรูปแบบของการได้รับเชื้อเชิญเป็นพระราชอาคันตุกะอย่างเป็นทางการขององค์พระประมุขแห่งรัฐ (state visit) พรั่งพร้อมสมบูรณ์ด้วยการที่มีเครื่องบินทหารฝ่ายเจ้าภาพ ปล่อยควันสีธงชาติรัสเซียเพื่อแสดงการต้อนรับ ย่อม “ไม่ได้เป็นอะไรที่น้อยไปกว่าการที่ ปูติน ได้หวนกลับคืนสู่เวทีโลก” สื่อ ดีเวลท์ (Die Welt) [10] ของเยอรมนีเขียนเอาไว้เช่นนี้ในวันที่ 12 ธันวาคม ต่อมาในสัปดาห์เดียวกันนั้นเอง ปูตินยังให้การต้อนรับพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสของอิหร่านในกรุงมอสโก
เงื้อดาบชักมีด
มีหลักฐานชัดเจนว่าอิหร่านตัดสินใจที่จะเฝ้ารอดูการสู้รบขัดแย้งซึ่งกำลังเกิดขึ้นในกาซาเวลานี้ แทนที่จะเปิดแนวรบแห่งที่สองเพื่อต่อต้านอิสราเอลขึ้นมาในทางตอนเหนือ (อย่างที่หลายๆ คนหวั่นเกรง) แต่พวกเขาก็กำลังหยั่งเชิงโดยใช้บรรดากองกำลังอาวุธท้องถิ่นของพวกเขาเป็นลูกมือ เพื่อดำเนินการทดสอบว่าฝ่ายตะวันตกจะตอบโต้อย่างไร
กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ยิงจรวดประมาณ 50 ลูกเข้าใส่ที่มั่นต่างๆ ของอิสราเอลในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับที่พวกเขาเคยยิงจรวดถึง 4,000 ลูกระหว่างสงครามเลบานอนปี 2006 ส่วนกองกำลังชาวฮูตีของเยเมนก็ได้ยิงขีปนาวุธต่อสู้เรือ ตลอดจนส่งโดรนออกไปเล่นงานพวกเรือของพลเรือน ส่งผลทำให้เรือสินค้าทั้งหลายต้องหันเหเส้นทางสัญจรออกไปจากทะเลแดง ในวันที่ 18 ธันวาคม เพนตากอนประกาศการรวมตัวเป็นพันธมิตรกันของ 10 ประเทศ (โดยที่จุดเด่นเห็นเตะตามากก็คือการที่ไม่มีพวกรัฐริมอ่าวเปอร์เซียเข้าร่วม) เพื่อพิทักษ์คุ้มครองการเดินเรือทะเล
ขณะเดียวกัน ในเอเชียนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมกองทัพเรือของจีนได้เปิดการเผชิญหน้าระดับเล็กๆ กับพวกเรือของฝ่ายญี่ปุ่นใกล้ๆ กับหมู่เกาะเซนกากุ (Senkaku Islands) [11] ซึ่งปักกิ่งกับโตเกียวพิพาทช่วงชิงกันอยู่ นอกจากนั้น เรือของจีนยังได้ก่อกวนรังควานเรือฟิลิปปินส์โดยใช้เครื่องฉีดน้ำกำลังแรง ขณะที่เรือของฟิลิปปินส์เหล่านี้กำลังจัดส่งเสบียงมาติมให้แก่กองกำลังฟิลิปปินส์ซึ่งประจำการในทะเลจีนใต้
เหล่านี้เป็นการหยั่งเชิงมากกว่าเป็นการตระเตรียมเพื่อเข้าทำสงคราม สิ่งที่ฝ่ายจีนอ่านได้จากการที่ สี จิ้นผิง ประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดีไบเดน เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนก็คือ อเมริกากำลังหวาดเกรงเกี่ยวกับลู่ทางความเป็นไปได้ที่จะเกิดการสู้รบทางทหารกับประเทศจีน
เรื่องหลักที่ฝ่ายอเมริกาเรียกร้องในซัมมิตที่ซานฟรานซิสโกคราวนี้ คือการฟื้นฟูสายการติดต่อฮอตไลน์ระหว่างฝ่ายทหารของทั้งสองประเทศ ซึ่งจีนได้ระงับไปหลังจากที่ แนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) ผู้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อยู่ในเวลานั้น ได้เดินทางไปเยือนไต้หวัน จีนยังสามารถบีบคั้นจนกระทั่งได้คำแถลงที่ใช้ถ้อยคำแจ่มแจ้งไร้ความกำกวมจากทางทำเนียบขาว ซึ่งระบุว่า “เรานั้นมีความชัดเจนว่าไม่ได้สนับสนุนให้ไต้หวันเป็นเอกราช”
กองทัพเรือสหรัฐฯ เวลานี้ตกอยู่ในสภาพต้องเผชิญกับแสนยานุภาพที่เหนือกว่า เมื่อเข้าไปอยู่ภายในรัศมีห่างจากชายฝั่งของจีนราวๆ 1,000 ไมล์ “กองกำลังขีปนาวุธใช้ภาคพื้นดินเป็นฐาน [ของกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน People’s Liberation Army Air Force ใช้อักษรย่อว่า PLAAF] เป็นตัวหนุนเสริมพวกสมรรถนะการโจมตีได้อย่างแม่นยำแบบใช้อากาศและใช้ทะเลเป็นฐาน ของ PLAAF และ PLAN (People’s Liberation Army Air Force กองทัพเรือแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน)” เพนตากอนระบุเอาไว้เช่นนี้เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2022 [12]
“กองกำลังจรวดแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLARF ย่อมาจาก People's Liberation Army Rocket Force) ยังคงขยายคลังแสง IRBM (intermediate-range ballistic missile ขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยปานกลาง) แบบดีเอฟ-26 (DF-26) ของตนอย่างต่อเนื่อง ขีปนาวุธชนิดนี้ออกแบบไว้ให้สามารถสลับสับเปลี่ยนระหว่างหัวรบตามแบบแผนธรรมดา และหัวรบนิวเคลียร์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังมีศักยภาพในการโจมตีใส่ภาคพื้นดินและต่อสู้เรือได้อย่างแม่นยำทั้งในอาณาบริเวณแปซิฟิกตะวันตก มหาสมุทรอินเดีย และทะเลจีนใต้ จากแผ่นดินใหญ่จีน”
ทำนองเดียวกับการถูกล็อบบี้ให้เห็นดีเห็นงามกับการต่อเรือรบยักษ์ระดับเรือประจัญบาน (Battleship) ต่อไปอีกเมื่อช่วงทศวรรษ 1930 ปัจจุบันเพนตากอนได้สร้างกองกำลังนาวีผิดประเภทขึ้นมา นั่นคือ การมีเรือบรรทุกเครื่องบินมากเกินไปในเวลานี้ กำลังกลายเป็นจุดอ่อนอย่างเดียวกับการมีเรือประจัญบานในปี 1940 ขณะที่เรือดำน้ำกลับมีไม่เพียงพอ การเรียกร้องให้ใส่ใจกับข้อเท็จจริงในเรื่องนี้คือการฆ่าตัวตายในทางการงานอาชีพ และนี่คือเหตุผลอธิบายว่าทำไมการอภิปรายถกเถียงสาธารณะเวลานี้จึงเน้นหนักอยู่แต่เรื่องวิธีการแก้ไขปัญหาแบบปะผุซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็วและราคาถูก -- ตัวอย่างเช่น การจัดส่งลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. และระบบจรวดหลายลำกล้องเคลื่อนที่ได้คล่องตัวแบบ HIMARS ให้แก่ไต้หวันเพิ่มมากขึ้น
ความพ่ายแพ้ปราชัยของยูเครนในรูปแบบของการต้องสูญเสียดินแดนไปเป็นจำนวนมากเพื่อแลกกับการได้ข้อตกลงหยุดยิงระยะยาว จะกลายเป็นเครื่องเตือนใจส่วนอื่นๆ ของโลกให้ระลึกถึงคำพูดถากถางอันโด่งดังของ คิสซิงเจอร์ ที่ว่า มันเป็นเรื่องอันตรายที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับสหรัฐฯ ทว่ามันถึงตายได้ที่จะมาเป็นเพื่อนมิตรกับเรา
อิสราเอลจะต้องรับมือกับรัสเซียที่แสดงท่าทีให้ความร่วมมือน้อยลงและยังกำลังเกี้ยวพาราสีอิหร่าน กับจีนที่เสาะแสวงหาทางใช้ประโยชน์จากความโกรธเกรี้ยวแบบต่อต้านลัทธิล่าอาณานิยมในหมู่ประเทศซีกโลกใต้ (Global South) ซึ่งพากันคัดค้านอิสราเอล กับอิหร่านที่แข็งกร้าวยืนกรานมากขึ้นและติดอาวุธที่ดียิ่งขึ้น และกับอเมริกาที่ความมุ่งมั่นผูกพันกับเอเชียตะวันตกได้เสื่อมโทรมถอยลงเสียแล้ว ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ ของพวกเขาเวลานี้ดูย่ำแย่เลวร้ายน้อยกว่าที่มันปรากฏให้เห็น เป็นต้นว่า หากไม่นับ กาตาร์ ตลอดจนเป็นไปได้ว่าบางส่วนของแวดวงทางการเมืองของตุรกีแล้ว ส่วนอื่นๆ ที่เหลือของโลกต่างมีความยินดีที่จะเห็นอิสราเอลทำลายพวกฮามาส
กลุ่มชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ที่มีแนวความคิดมุ่งทำสงครามญิฮาด (Sunni jihad) ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มฮามาสประกาศตัวสวามิภักดิ์นั้น อันที่จริงแล้วได้สร้างปัญหาด้านความมั่นคงอย่างเรื้อรังฝังแน่นทั้งในรัสเซียและจีน สำหรับอิหร่าน ถึงแม้ติดอาวุธและให้เงินสนับสนุนแก่ฮามาสก็จริง แต่พวกเขา (ซึ่งเป็นมุสลิมนิกายชิอะห์) ก็ไม่ได้ต้องการให้กลุ่มองค์กรมุสลิมสุหนี่ผงาดขึ้นมาเป็นฝ่ายค้านตัวหลักของอิสราเอล อย่างไรก็ดี ปัญหาต่างๆ ที่เป็นปัญหาระยะยาวของอิสราเอลนั้นมีความเลวร้ายย่ำแย่ยิ่งกว่าที่พวกมันปรากฏให้เห็น และจะโผล่ขึ้นมาสู่ภายนอกเมื่อฝุ่นผงที่ลอยฟุ้งอยู่ในยูเครนได้สงบลงมา
เหตุการณ์ซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างมากที่สุดว่าจะสามารถบรรเทาสถานการณ์อันยากลำบากทางยุทธศาสตร์ของอิสราเอลลงได้ น่าจะเป็นการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สองในปี 2024 ทรัมป์นั้นไม่เหมือนกับพวกอนุรักษนิยมใหม่ และพวกเสรีนิยมระดับโลกที่ครองอำนาจอยู่ในปัจจุบัน เขาไม่มีความสนใจใดๆ ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในรัสเซีย และไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะทำเรื่องความผิดพลาดอย่างขาดความไตร่ตรองของคนอื่นๆ ให้กลายเป็นเรื่องอมตะนิรันดร์กาลขึ้นมา เขาได้ให้คำมั่นแล้วว่าจะยุติสงครามในยูเครน ซึ่งหมายถึงการตัดขาดทุนของอเมริกา
มีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากที่เขาจะยังคงประคับประคองความสนับสนุนอย่างแข็งขันของอเมริกันที่ให้แก่อิสราเอลเอาไว้ต่อไป ในเวลาเดียวกับที่จำกัดความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นกับฐานะของอเมริกันในต่างแดน ด้วยการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสู้รบขัดแย้งกับรัสเซียและจีน ไม่เหมือนกับทีมนโยบายการต่างประเทศของไบเดน ทรัมป์นั้นแทบไม่มีความสนใจเอาเลยในวิธีการที่ประเทศอื่นๆ บริหารจัดการกับกิจการทั้งหลายของพวกเขา –ความกังวลสนใจของเขานั้นอยู่ที่การให้ได้ดีลที่สุดสำหรับสหรัฐอเมริกา
ข้อเขียนชิ้นนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกใน The American Mind สิ่งพิมพ์ของสถาบันแคลร์มองต์ (Claremont Institute) สนใจติดตามอ่านต้นฉบับเดิมได้ที่ https://americanmind.org/features/warfare-by-immigration/israel-in-the-shadow-of-american-decline/
เดวิด พี. โกลด์แมน เป็นรองบรรณาธิการของเอเชียไทมส์, เป็นนักวิจัยในวอชิงตันของสถาบันแคลร์มองต์, และเป็นนักเขียนอาวุโสให้แก่ Law & Liberty
เชิงอรรถ
[1]https://www.nytimes.com/2023/11/30/world/middleeast/israel-hamas-attack-intelligence.html
[2] https://www.politico.eu/article/israel-border-troops-women-hamas-warnings-war-october-7-benjamin-netanyahu/
[3]https://www.tabletmag.com/sections/israel-middle-east/articles/israel-intelligence-failure-hamas-edward-luttwak
[4] https://energyandcleanair.org/october-2023-monthly-analysis-on-russian-fossil-fuel-exports-and-sanctions/
[5]https://www.statista.com/statistics/896181/putin-approval-rating-russia/
[6]https://www.foreignaffairs.com/ukraine/redefining-success-ukraine
[7]https://www.politico.com/news/magazine/2023/12/02/henry-kissinger-interview-israel-hamas-war-00129374
[8] https://www.reuters.com/world/iran-finalises-deal-buy-russian-fighter-jets-tasnim-2023-11-28/
[9]https://asiatimes.com/2008/08/americans-play-monopoly-russians-chess/
[10]https://www.welt.de/debatte/kommentare/article248916240/Vereinigte-Arabische-Emirate-Putins-Rueckkehr-auf-die-Weltbuehne.html
[11] https://www.reuters.com/world/asia-pacific/china-says-japanese-vessels-illegally-entered-territorial-waters-2023-12-10/
[12]https://media.defense.gov/2022/Nov/29/2003122279/-1/-1/1/2022-MILITARY-AND-SECURhttps:/media.defense.gov/2022/Nov/29/2003122279/-1/-1/1/2022-MILITARY-AND-SECURITY-DEVELOPMENTS-INVOLVING-THE-PEOPLES-REPUBLIC-OF-CHINA.PDFITY-DEVELOPMENTS-INVOLVING-THE-PEOPLES-REPUBLIC-OF-CHINA.PDF