ผู้นำกบฏฮูตีในเยเมน เตือนในวันพุธ (20 ธ.ค.) จะโจมตีเรือรบของสหรัฐฯ หากว่าพวกติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านกลุ่มนี้ตกเป็นเป้าหมายของวอชิงตัน หลังเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ อเมริกาจัดตั้งกองกำลังนานาชาติเพื่อตอบโต้การโจมตีของกบฏฮูตี ที่เล็งเป้าเล่นงานบรรดาเรือสินค้าในทะเลแดง
นับตั้งแต่เดือนที่แล้ว กบฏฮูตีซึ่งควบคุมดินแดนอันกว้างขวางในเยเมน ตามหลังทำสงครามยาวนานหลายปี ได้ปล่อยโดรนและยิงขีปนาวุธเข้าใส่เรือของนานาชาติที่ล่องผ่านทะเลแดง การโจมตีที่พวกเขาอ้างว่าเป็นการตอบโต้อิสราเอล ที่จู่โจมเล่นงานนักรบฮามาสและเข่นฆ่าผู้คนในฉนวนกาซา
ความคิดริเริ่มด้านความมั่นคงที่นำโดยสหรัฐฯ จะพบเห็นวอชิงตันและประเทศอื่นๆ อีก 10 ชาติ ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกนาโตจะร่วมกันลาดตระเวนในทะเลแดง เพื่อป้องปรามและตอบโต้เหตุโจมตีใดๆ ในอนาคตโดยฝีมือของกบฏฮูตี ซึ่งจนถึงตอนนี้ทำให้บรรดาบริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่ของโลกทั้งหลายต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือไปแถวแอฟริกาแทน
"เราจะไม่ยืนดูเฉยๆ ถ้าหากอเมริกายั่วยุให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายยิ่งขึ้นและกระทำการโง่ๆ ด้วยการเล็งเป้าเล่นงานประเทศของเราหรือทำสงครามกับประเทศของเรา" อับเดล-มาเลก ฮัล-ฮูตี กล่าว "การเล็งเป้าใดๆ ของอเมริกาที่ล็อกเป้าเล่นงานประเทศของเรา จะตกเป็นเป้าหมายของเรา และเราจะทำให้เรือรบ ผลประโยชน์และการเดินเรือของอเมริกาตกเป็นเป้าหมายของขีปนาวุธ โดรนและปฏิบัติการทางทหารของเรา"
วิกฤตในทะเลแดงขยายวงกว้างมากขึ้นท่ามกลางสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ปกครองฉนวนกาซา ความขัดแย้งล่าสุดในตะวันออกกลางที่ผลักสหรัฐฯ และพันธมิตรเผชิญหน้ากับอิหร่าน มหาอำนาจในภูมิภาคและบรรดากลุ่มติดอาวุธอาหรับตัวแทนของพวกเขา
สงครามครั้งนองเลือดที่สุดเท่าที่เคยมีมาของกาซา เริ่มต้นขึ้นจากการที่พวกนักรบฮามาสโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,140 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และลักพาตัวไปประมาณ 250 คน อิสราเอลตอบโต้ด้วยการทิ้งบอมบ์ถล่มกาซาอย่างไม่รามือ เช่นเดียวกับเปิดปฏิบัติการรุกรานทางภาคพื้น สังหารผู้คนไปแล้วกว่า 20,000 ราย จำนวนมากเป็นผู้หญิงและเด็ก
พวกกลุ่มติดอาวุธตัวแทนของอิหร่าน ในนั้นรวมถึงกบฏฮูตี และฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ยิงจรวดเข้าใส่อิสราเอลนับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น ขณะเดียวกัน กบฏฮูตีได้ยกระดับการโจมตีในทะเลแดง ขู่เล็งเป้าเรือทุกลำที่มุ่งหน้าสู่อิสราเอล พร้อมเตือนบริษัทขนส่งสินค้าทั้งหลายต่อการใช้ท่าเรือต่างๆ ของอิสราเอล
การโจมตีของกบฏฮูตี ก่อความปั่นป่วนแก่เส้นทางขนส่งสินค้าสำคัญที่เชื่อมยุโรปและอเมริกาเหนือกับเอเชีย ผ่านคลองสุเอซ และทำให้การขนส่งทางเรือมีต้นทุนพุ่งสูงอย่างมาก กระตุ้นให้บริษัททั้งหลายต้องหาเส้นทางอื่นในการขนส่งสินค้าของตนเอง ซึ่งปกติแล้วมันต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าเดิม
กองกำลังนานาชาติที่ได้รับขนานนามว่า "ปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง (Operation Prosperity Guardian)" ซึ่งประกอบด้วยสหราชอาณาจักร บาห์เรน แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เซเชลส์ และสเปน รวมถึงสหรัฐฯ จะเป็นการลาดตระเวนร่วมกันในทะเลแดง และอ่าวเอเดนที่อยู่ติดกัน
"ตราบใดที่อเมริกาต้องการเข้าสู่สงครามโดยตรงกับเรา พวกเขาควรรู้ไว้ว่าเราไม่ใช่พวกที่เกรงกลัวพวกเขา และพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับประชาชนทั้งมวล" อัล-ฮูตีกล่าว พร้อมเตือนต่อการที่อเมริกาจะส่งทหารเข้าไปเยเมน ว่า "พวกเขาจะต้องเจออะไรบางอย่างที่หนักหน่วงกว่าที่พวกเขาเผชิญในอัฟกานิสถาน และหนักหน่วงกว่าที่พวกเขาประสบในเวียดนาม"
(ที่มา : รอยเตอร์)