(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
GOP holds up Ukraine aid, asking painful questions
By STEPHEN BRYEN
14/12/2023
นายพลอเมริกันที่ได้รับมอบหมายให้เป็น “ผู้บัญชาการเงา” ในกรุงเคียฟ เดินทางเข้าสู่ยูเครนพร้อมกับทีมงาน ทำให้รื้อฟื้นความทรงจำย้อนนึกไปถึงการส่ง “ที่ปรึกษา” ทางทหารเข้าไปในเวียดนาม ซึ่งในที่สุดก็ทำให้สงครามที่นั่นแปรเปลี่ยนไปเป็นสงครามของอเมริกัน โดยที่อเมริกันคือผู้พ่ายแพ้ปราชัยในท้ายที่สุด
พวกสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันกำลังโวยวายกันใหญ่ ไม่ว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ หรือประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ต่างก็ไม่สามารถบอกกล่าวให้พวกเขาทราบอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนได้ว่า ยูเครนจะมีวิธีการอย่างไรในการเอาชนะสงครามที่กำลังรบอยู่กับรัสเซียเวลานี้ หรือคณะบริหารไบเดนมีแผนการอะไรเตรียมไว้เพื่อให้ยูเครนสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้
นอกจากนั้น ชาวรีพับลิกันเหล่านี้ยังไม่พอใจเลยที่ไม่มีความก้าวหน้าใดๆ ในการทำความตกลงกับคณะบริหารไบเดนเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของพวกเขาที่ต้องการให้ปรับปรุงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยบริเวณชายแดนเม็กซิโกให้แข็งแกร่ง จนกระทั่งถึงเวลานี้ผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาก็คือว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นปัญหาที่ต้องรีบให้คำตอบเหล่านี้ (และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง) ยังคงชะงักงันอยู่ในทั้ง 2 สภาของรัฐสภาสหรัฐฯ ขณะที่เวลาก็ไม่คอยท่า โดยที่จะไม่มีการพิจารณาร่างกฎหมายใดๆ กันอีกแล้วจนกว่าจะผ่านพ้นช่วงพักการประชุมระหว่างเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ทั้งนี้ถ้าหากว่าหลังปีใหม่ไปแล้วยังมีความต้องการที่จะออกกฎหมายในเรื่องเหล่านี้กันอยู่
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cnn.com/2023/12/13/politics/what-comes-next-for-ukraine/index.html)
อย่างไรก็ดี ปัญหายูเครนของคณะบริหารไบเดนนั้นมันลงรากหยั่งลึกเกินกว่าเพียงแค่เรื่องการจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือการทำสงครามแค่นั้น พวกสมาชิกรัฐสภาเวลานี้มีความเข้าอกเข้าใจกันขึ้นมาแล้วว่าสงครามนี้เป็นสงครามที่ไม่สามารถชนะได้ และต่างสงสัยข้องใจว่า คณะบริหารไบเดนไม่ได้กำลังพาตัวเองเข้าไปติดกับหรืออย่างไร จากการให้ความสนับสนุนแก่เซเลนสกีถึงขนาดนี้
กล่าวโดยสรุป ในสายตาของผู้คนจำนวนมาก การให้ความสนับสนุนเซเลนสกีภายใต้ฉากทัศน์ซึ่งไม่มีทางเป็นผู้ชนะได้ ดูจะเป็นไอเดียที่ย่ำแย่เอามากๆ
ไม่มีผู้นำทางทหารที่เคร่งครัดจริงจังคนไหนเลยซึ่งผลักดันสานต่อข้อวินิจฉัยที่ว่ายูเครนสามารถเป็นผู้ชนะในการสู้รบกับรัสเซีย ถึงแม้เรื่องนี้ได้รับคำรับประกันมาเป็นเดือนๆ แล้วจากทั้งเคียฟ และคณะบริหารไบเดน ว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ พวกสมาชิกรัฐสภาซึ่งได้รับฟังเหตุผลข้อโต้แย้งเหล่านี้ตลอดช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาเวลานี้ได้ตระหนักถึงความเป็นจริงแล้วว่า คณะบริหารไบเดนหลอกลวงพวกเขา
ห้วงขณะแห่งอาการตาสว่างในเรื่องนี้บังเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านพ้นไปของปีนี้ เมื่อการรุกของฝ่ายยูเครน ทั้งๆ ที่ได้รับความสนับสนุนแบบเพียบแปร้ด้วยอาวุธอเมริกันและการฝึกอบรมจากสหรัฐฯ และนาโต โดยยังไม่ต้องเอ่ยถึงความสนับสนุนทางข่าวกรองอย่างมากมายมหาศาล กลับบังเกิดผลเป็นความสูญเสียอย่างมโหฬาร และชัยชนะแบบเล็กๆ น้อยๆ แถมไร้ความมั่นคงแน่นอนเพียงไม่กี่ครั้ง
เซเลนสกียังคงกำลังวิ่งพล่านไปทั่วในสหรัฐฯ เที่ยวอวดอ้างว่ายูเครนได้รับชัยชนะต่างๆ เยอะแยะไปหมดในการเปิดรุก รวมทั้งได้เจาะทะลวงผ่านแนวป้องกันซูโรวิคิน (Surovikin defense line) ซึ่งฝ่ายรัสเซียก่อตั้งขึ้นมา มาถึงตอนนี้เหตุผลข้อโต้แย้งเช่นนี้ไม่ได้รับความเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว ถ้าหากก่อนหน้านี้มันยังพอจะมีเครดิตอยู่บ้าง
อย่างไรก็ดี ยังคงมีความวุ่นวายอลหม่านอย่างใหญ่โตรอคอยอยู่ข้างหน้า ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) เพิ่งจัดส่ง พล.ท.แอนโทนิโอ อะกูโต จูเนียร์ (Lieutenant-General Antonio Aguto Jr) ไปยังยูเครน งานของเขาคือจะเป็นผู้บัญชาการเงา (shadow commander) ของกองทัพบกยูเครน ชนิดเข้าทำหน้าที่แทนผู้บัญชาการคนปัจจุบันโดยพื้นฐาน ดังนั้นก็จะเป็นการนำเอา อะกูโต ขึ้นอยู่เหนือผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินแห่งกองทัพยูเครน (Commander of the Ground Forces of the Armed Forces of Ukraine) พล.ท.โอเลคซานดร์ ซีร์สกี (Oleksandr Syrskyi)
(ดูเพิ่มเติมเรื่องการส่ง พล ท.อะกูโตไปยูเครนได้ที่ https://www.stripes.com/branches/army/2023-12-12/army-general-ukraine-eucom-12335117.html)
(ดูเพิ่มเติมเรื่องของ พล.ท.ซีร์สกี ได้ที่ https://www.economist.com/the-economist-explains/2023/06/08/who-is-oleksandr-syrsky-the-head-of-ukraines-ground-forces)
คำสั่งซึ่ง อะกูโต ได้รับสำหรับการปฏิบัติหน้าที่คราวนี้มีลักษณะขัดแย้งอยู่ในตัวมันเอง ด้านหนึ่งนั้นเป็นที่เข้าใจกันว่าเขาจะต้องเป็นผู้ชี้แนะนำทางฝ่ายยูเครนในเรื่องยุทธศาสตร์แห่งการ “รักษาและสร้าง” (“hold and build” strategy) แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาจะต้องบอกเซเลนสกีให้แช่แข็งการสู้รบขัดแย้งนี้เอาไว้ให้ได้ อย่างน้อยที่สุดก็จนกระทั่งถึงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง
“รักษา” (Hold) หมายถึงไม่พยายามที่จะรุกคืบหน้า ทว่าให้ยึดดินแดนต่างๆ ที่อยู่ใต้การควบคุมของยูเครนเอาไว้ให้มั่นคง ทว่าแนวความคิดนี้ได้ถูกบ่อนทำลายไปเรียบร้อยแล้วจากข้อเท็จจริงที่ว่าฝ่ายรัสเซียต่างหากที่กำลังรุกคืบเข้ามาแทบจะตลอดทั่วทั้งแนวของการประจันหน้ากัน
พวกเขาเข้าไปถึงเมืองมารินกา (Marinka) เรียบร้อยแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ในแคว้นโดเนตสก์ (Donetsk) ซึ่งเคยอยู่ใต้การควบคุมของฝ่ายยูเครน ไม่เพียงเท่านั้น ฝ่ายรัสเซียยังกำลังบุกคืบหน้าไปในบริเวณรอบๆ เมืองอัฟดิอิฟกา (Avdiivka) และควบคุมหลายๆ ส่วนของเมืองนี้เอาไว้ได้แล้ว โดยที่ยังจะมีส่วนอื่นๆ ตามมาอีก
ตรงรอบๆ เมืองบัคมุต (Bakhmut) ฝ่ายรัสเซียก็อยู่ในกระบวนการของการชิงหมู่บ้านบางแห่งกลับคืน หลังจากฝ่ายยูเครนบุกยึดเอาหมู่บ้านเหล่านี้ไปได้ระหว่างการสู้รบใหญ่เพื่อชิงบัคมุตหลายระลอกที่ผ่านมา สถานการณ์ดูเหมือนกับว่าพวกเขาจะสามารถช่วงชิงคืนไปได้สำเร็จในเร็วๆ นี้ และจากนั้นก็จ่อคุกคามมืองชาซิฟ ยาร์ (Chasiv Yar) ที่เป็นศูนย์ส่งกำลังบำรุงที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝ่ายยูเครน
ในทำนองเดียวกัน ที่แนวรบแคว้นซาโปริซเซีย ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ฝ่ายรัสเซียเวลานี้กำลังกดดันหมู่บ้านโรโบทีน (Robotyne) หมู่บ้านเล็กๆ ในพื้นที่ที่ถูกเรียกขานกันว่าจัตุรัสแบรดลีย์ (Bradley Square) ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายยูเครนได้เปิดการรุกอย่างแท้จริงเมื่อตอนที่พวกเขาพยายามผลักดันเคลื่อนตัวไปสู่ตัวแนวป้องกันซูโรวิคินจริงๆ ของฝ่ายรัสเซีย รัสเซียจะประสบความสำเร็จตรงจุดนี้หรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายยูเครนต้องการเสียสละชีวิตกำลังพลมากมายขนาดไหนสำหรับการรักษาหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งหนึ่งเอาไว้
ดังนั้น แนวความคิดของการ “รักษา” เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ใช่เป็นยุทธศาสตร์ที่มีการยึดเกาะกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างเหนียวแน่นจริงจังอะไรเลย พล.อ.วาเลรี ซาลุจนี (General Valery Zaluzhny) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครน ( Commander-in-Chief of the Armed Forces of Ukraine) คนปัจจุบัน อีกทั้งป็นคู่แข่งขันคนสำคัญคนหนึ่งของเซเลนสกี ได้เสนอให้ถอนกำลังทหารยูเครนออกมา แล้วจัดตั้งแนวป้องกันที่แท้จริงขึ้นด้วยซ้ำ
แต่ว่าแนวป้องกันที่แท้จริงที่ว่านี้จะตั้งอยู่ตรงไหนล่ะ? รวมทั้งมันจะสามารถหยุดยั้งการรุกคืบหน้าของฝ่ายรัสเซียได้อย่างไร? ตัวเซเลนสกีเองนั้นดูเหมือนรับรองสนับสนุนไอเดียที่ให้ยืนหยัดรักษาสมรภูมิรอบๆ บัคมุต และอัฟดิอิฟกา เอาไว้
ในส่วนของ “สร้าง” นั้น เป็นแนวความคิดหนึ่งของสหรัฐฯ ที่จะให้สร้างกองทัพยูเครนขึ้นมาใหม่ หลังจากถูกทำลายเสียหายไปอย่างเลวร้ายมากจากการสู้รบที่ยังกำลังดำเนินอยู่จนถึงเวลานี้ การสร้างในด้านหนึ่งหมายถึงการนำเอากำลังพลใหม่ๆ เข้ามา เวลาเดียวกันนี้ก็เน้นหนักเรื่องการติดอาวุธให้ครบครันขึ้นมาใหม่ และจัดการฝึกอบรมต่างๆ ให้แข็งแรง
อย่างไรก็ตาม ยูเครนเวลานี้มีปัญหากำลังพลที่หนักหนาสาหัสมาก และในการหาทางเกณฑ์ทหารใหม่ๆ พวกเขาต้องใช้ยุทธวิธีที่ทั้งงุ่มง่ามเงอะงะและทั้งรุนแรงโหดเหี้ยม บางส่วนของกำลังคนที่ยังไม่ได้ถูกแตะต้องนั้นอยู่ตามตัวเมืองใหญ่ๆ นั่นก็คือพวกลูกชายและลูกสาวของชนชั้นปกครองทรงอิทธิพลแบบที่ในรัสเซียนิยมเรียกขานกันว่า “โนเมนคลาทูรา” (nomenklatura) และจวบจนกระทั่งบัดนี้ พวกเขาส่วนใหญ่ที่สุดยังคงได้รับการปกป้องคุ้มครองจากระบอบปกครองในเคียฟ
การอำลาจากไปของลัทธิคอมมิวนิสต์ ไม่ได้หมายความว่าในยูเครนไม่มีพวกชนชั้นนำที่ได้รับการปรนเปรอและประคบประหงมอย่างสูงส่ง เช่นเดียวกับที่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้มีอยู่ในรัสเซียเวลานี้ แล้วเมื่อคุณสร้างแรงกดดันใส่ผู้คนในชนชั้นนี้ คุณก็กำลังสร้างปัญหาการเมืองภายในที่ร้ายแรงขึ้นมา
ขณะที่มีการประกาศแล้วว่าจะไม่มีการจัดการเลือกตั้งใดๆ ขึ้นในยูเครน แต่ว่าความไม่พอใจนั้นยังคงดำรงอยู่ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดาวิด อาราคาเมีย (David Arakhamia) ที่เป็นผู้นำพรรคการเมืองของเซเลนสกี เพิ่งพูดถึงการกบฏแข็งข้อในเวอร์คอฟนา ราดา (Verkhovna Rada) หรือก็คือรัฐสภาของยูเครน ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่ทำหน้าที่แค่เป็นกระบอกเสียงให้แก่เซเลนสกีเท่านั้น ทว่าตอนนี้สมาชิกรัฐสภาเหล่านี้จำนวนมากส่งสัญญาณว่าพวกเขาต้องการออกไปจากยูเครนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ มีบางคนกระทั่งเดินทางออกไปเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://twitter.com/arakhamia_david?lang=en)
นี่คือสัญญาณประการหนึ่งของเรือที่กำลังจมลงทะเล และของการสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวผู้นำระดับสูงสุด เพราะแม้กระทั่งพวกที่ต้องการผละจากไปก็ยังพบว่าเป็นเรื่องยากลำบากที่จะทำเช่นนั้นได้ (ชาวยูเครนไม่ได้กำลังผละออกจากประเทศไปในเวลานี้ เพราะพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตทำเช่นนั้นได้ แม้กระทั่งอดีตประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก (Petro Poroshenko) ซึ่งได้รับอนุญาตให้ออกนอกประเทศอย่างถูกต้องจากรัฐสภาราดาแล้วด้วยซ้ำ ก็ยังถูกหยุดยั้งเอาไว้ที่ชายแดนและต้องเดินทางกลับ เพราะเซเลนสกีไม่ต้องการให้เขาออกไปพูดจาหารือกับพวกผู้นำฝ่ายตะวันตก)
(ดูเพิ่มเติมเรื่องของโปโรเชนโก ได้ที่ https://www.france24.com/en/europe/20231202-ukraine-blocks-ex-president-from-leaving-country-amid-alleged-plan-to-meet-pro-putin-hungary-s-orban)
เป็นเรื่องลำบากที่จะมองให้เห็นว่า อะกูโต สามารถแก้ไขปัญหากำลังคนของยูเครนได้ด้วยวิธีไหน หรือซ่อมแซมสภาวะที่ภายในประเทศเองสูญเสียความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลยูเครนได้อย่างไร
ถ้าคณะบริหารไบเดนมีความต้องการจริงๆ ที่จะแช่แข็งการสู้รบขัดแย้งนี้ พวกเขาก็ควรต้องอธิบายว่าจะสามารถทำให้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง หากปราศจากการเจรจาต่อรองกันและการประนีประนอมรอมชอมบางอย่างบางประการขึ้นมาแล้ว สงครามนี้ก็จะยังดำเนินไปเรื่อยๆ ถ้าฝ่ายรัสเซียมีความมุ่งมั่นตั้งใจว่าพวกเขาต้องการอยู่สู้รบต่อไปอีก
เวลาเดียวกัน การปรากฏตัวของ พล.ท.อะกูโต ในลักษณะของการข้ามหน้าข้ามตาประดาผู้บังคับบัญชาทหารของยูเครน รวมทั้งจะเป็นผู้คอยบอกกล่าวบงการว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรบ้าง เช่นนี้แล้วย่อมมีแต่นำไปสู่ปัญหา
นอกจากนี้ มันยังมีอีกปัญหาหนึ่งจากการที่ อะกูโตไปนั่งทำงานอยู่ในกรุงเคียฟ กล่าวคือ เรื่องเช่นนี้ไม่เพียงสร้างความอับอายขายหน้าอย่างแรงให้แก่พวกผู้นำทางทหารของยูเครนเท่านั้น แต่มันยังกำลังเปลี่ยนแปลงลักษณะของสงครามครั้งนี้ให้กลายเป็นสงครามของอเมริกัน อะกูโตไม่ใช่มาโดยลำพังตัวคนเดียว –เขายังนำทีมงานที่ประกอบด้วยคนในกองทัพบกสหรัฐฯ มากับตัวเขาด้วย ทีมงานเล็กๆ นี้น่าที่จะเติบโตขยายตัว มันดูมีความละม้ายคล้ายคลึงกับการจัดส่ง “ที่ปรึกษา” สหรัฐฯ ไปยังเวียดนาม ซึ่งไม่ช้าไม่นานก็แปรเปลี่ยนเข้าไปอยู่ในสงคราม และในท้ายที่สุดแล้ว สหรัฐฯ ก็เป็นฝ่ายปราชัย
ไม่มีหลักฐานใดๆ ซึ่งชี้ชวนให้เห็นว่า แผนการของอะกูโต –ถ้าหากเราสามารถเรียกมันว่าอย่างนั้นได้— กำลังก่อให้เกิดความมั่นอกมั่นใจ หรือว่าจะสามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์ข้อใดข้อหนึ่งของมัน (รักษาและสร้าง) ทว่ามันกลับทำให้ความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามขึ้นมาในยุโรป ใกล้กลายเป็นความจริงมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะฝ่ายรัสเซียอาจจะตัดสินใจว่า พวกเขาไม่สามารถแกล้งทำเป็นว่าสงครามนี้สามารถจำกัดเขตให้อยู่แต่เฉพาะภายในชายแดนของยูเครนได้อีกต่อไป
เป็นความจริงอย่างแน่นอนว่า ฝ่ายรัสเซียนั้นก็มีปัญหาต่างๆ ของพวกเขาเองเหมือนกัน โดยยังไม่ต้องพูดถึงความพยายามหลายต่อหลายครั้งของยูเครน สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯที่จะสังหารประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน การที่ไบเดนตัดสินใจใช้เซเลนสกีในความพยายามครั้งล่าสุดของเขาที่จะให้ได้เงินงบประมาณจากรัฐสภาสหรัฐฯ ในตัวมันเองก็มีความเสี่ยงอยู่ด้วยเช่นกัน กล่าวคือทำให้ไบเดนติดแน่นอยู่กับบุรุษผู้ซึ่งไม่มีความปรารถนาที่จะเข้าสู่การเจรจาต่อรองใดๆ จนกว่าฝ่ายรัสเซียยอมถอนตัวออกไปจากยูเครน และปูตินถูกเปลี่ยนตัว แนวความคิดเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สูตรที่จะนำไปสู่การยุติการสู้รบขัดแย้งซึ่งกำลังดำเนินอยู่คราวนี้เลย
สตีเฟน ไบรเอน เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเจ้าหน้าที่ของคณะอนุกรรมการตะวันออกใกล้ แห่งคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ รวมทั้งเคยเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมด้านนโยบายของสหรัฐฯ ปัจจุบันเป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute
ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ใน Weapons and Strategy ที่เป็นบล็อกบนแพลตฟอร์ม Substack ของผู้เขียน
หมายเหตุผู้แปล
เอเชียไทมส์เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2023 ยังได้เสนอข้อเขียนอีกชิ้นหนึ่งของ สตีเฟน ไบรเอน ที่ใช้ชื่อเรื่องว่า More good money after bad for Ukraine? ถึงแม้เนื้อหาส่วนหนึ่งของข้อเขียนนี้ล้าสมัยไปเสียแล้ว แต่ก็มีส่วนที่พูดถึงสถานการณ์ในยูเครนซึ่งยังคงมีความน่าสนใจอย่างมาก รวมทั้งไม่ได้พูดเอาไว้ในข้อเขียนชิ้นอื่นๆ ผู้แปลจึงขอแปลเก็บความเฉพาะส่วนดังกล่าวนี้ ซึ่งก็คือส่วนท้ายของข้อเขียนชิ้นนี้นั่นเอง มาเสนอ ณ ที่นี้ ดังนี้:
พื้นที่หัวหาดทางฝั่งตะวันออกแม่น้ำดนิเปอร์ของยูเครน
ในยูเครน กองกำลังรัสเซียกำลังกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบในสมรภูมิสำคัญๆ รอบๆ เมืองบัคมุต (Bakhmut) อัฟดิอิฟกา (Avdiivka) โบห์ดานิวิกา (Bohdanivika) มารินกา (Marinka) และโนโวมิฮาอิลอฟกา (Novomikhailovka) ขณะที่ฝ่ายรัสเซียดูเหมือนสามารถที่จะเสริมกำลังทหารของพวกเขาเมื่อเกิดความจำเป็นขึ้นมา ฝ่ายยูเครนกลับทำเช่นนี้ได้ยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปืนใหญ่ของฝ่ายรัสเซียสามารถหมุนเวียนกันเข้าโจมตีใส่พื้นที่ต่างๆ จำนวนมาก ทว่ายูเครนมีกำลังทหารน้อยกว่าสำหรับการทุ่มเทเข้าไปในสมรภูมิหลายๆ แห่งซึ่งกำลังเกิดขึ้นทั้งในภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศยูเครน
หนึ่งในสมรภูมิที่แปลกประหลาดที่สุดได้แก่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีชื่อว่า ครีนกี (Krynky) ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำดนิเปอร์ (Dnieper River) และอยู่ไปทางด้านตะวันตกของเมืองเคียร์ซอน (Kherson)
ผลลัพธ์ประการหนึ่งจากการที่เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกา (Kakhovka Dam) ซึ่งสร้างกั้นแม่น้ำดนิเปอร์ ได้ถูกทำลายพังลงไปในเดือนมิถุนายน 2023 ก็คือหมู่บ้านครีนกี แทบจะจมอยู่ใต้น้ำอย่างสิ้นเชิง และชาวบ้านเกือบทั้งหมดต่างพากันหลบหนี เมื่อถึงช่วงสิ้นเดือนตุลาคม ยูเครนได้เริ่มจัดส่งกำลังทหารข้ามแม่น้ำดนิเปอร์ไปสร้างหัวหาดแห่งหนึ่งขึ้นในครีนกี
ฝ่ายยูเครนสามารถที่จะเคลื่อนย้ายกำลังทหาร ทว่าแทบโยกย้ายพวกยานเกราะไม่ได้เลยเนื่องจากพวกเขาขาดแคลนยานขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ขนาดหนัก กระนั้นก็ตาม การเคลื่อนย้ายกำลังทหารซึ่งส่วนใหญ่แล้วกระทำในตอนกลางคืนก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จวบจนกระทั่งเมื่อฝ่ายรัสเซียนำเอาโดรนแบบแลนสิต (Lancet) ซึ่งติดตั้งกล้องที่สามารถมองเห็นในเวลากลางคืนเข้ามาใช้งาน คราวนี้ความพยายามที่จะจัดส่งเสบียงสัมภาระให้แก่กองทหารซึ่งอยู่ในครีนกี รวมทั้งการนำเอาทหารใหม่ๆ เข้าไปก็กลับกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ยากลำบากอย่างยิ่งยวด
(เรื่องโดรนแบบแลนสิตซึ่งติดกล้องมองเห็นในเวลากลางคืน ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://email.mg2.substack.com/c/eJxMkMmu0zAYRp_G3iXyGNsLLyhgWlARCETZIQ9_mpRMsl1V4enRvXfT7fedzTnRV7iuebf3ArnJsE07TlYkqqXGYKkijFNCqMSDJaFnMnIWouGBA9Osp0pHpRIhveQRj5a94IxSKiXnsqXB8E5LIkEYEzuBBJmvrC33UKqPf9u4zniyQ61bQfwdYg4x93wi5jKkMUOsiDmmlTLep0aFKBoRQ2iC4qrpuo4H0AyS0Ii7G-IfYP9MT7d1PF9-DfBp6E4Lac35_c8f6pv4Mn797g6zum1ur05djiLqf_D47dyhT0fe--Yj3tZS_4zJUm46IwWjb0vdN7ALPMoEtULG2ZYK2wBLG_IOCxLkOvtxevUq95DW2Y-LfYDf1qXg-hT5fwAAAP__LyJ2BQ)
เท่าที่สามารถวินิจฉัยกันออกมาได้ แนวความคิดดั้งเดิมของการสร้างหัวหาดขึ้นที่ครีนกี ก็คือต้องการตัวที่จะเบี่ยงเบนหันเหความสนใจ เพื่อบังคับให้ฝ่ายรัสเซียต้องใช้กำลังทหารของตนเพิ่มมากขึ้นมาสู้รบกับฝ่ายยูเครนที่ครีนกี เรื่องเช่นนี้ก็ได้เกิดขึ้นมาจริงๆ ในขอบเขตประมาณหนึ่ง ทว่ามันดูเหมือนไม่ได้สร้างผลกระทบอย่างสำคัญใดๆ ต่อกำลังสู้รบของฝ่ายรัสเซียในสถานที่อื่นๆ ในยูเครน
เวลาเดียวกันนั้น ทหารนาวิกโยธินของยูเครนซึ่งสามารถถอนกำลังและเข้าเสริมกำลังได้อย่างคล่องตัวทว่าด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงทีเดียว ก็กำลังอยู่ในสภาพที่เคลื่อนย้ายไปที่อื่นอย่างจริงๆ จังๆ ไม่ได้ แถมยังกำลังสูญเสียทหารชั้นเลิศที่สุดของพวกตนไปเป็นบางส่วนอยู่เรื่อยๆ มีสำนักข่าวของเมืองโอเดสซา (Odessa news service) แห่งหนึ่ง ซึ่งใช้ชื่อว่า ดุมสกายา (Dumskaya ซึ่งหมายถึง ดูมา Duma หรือรัฐสภานั่นเอง) กำลังออกมาเรียกร้องให้กองทหารยูเครนซึ่งอยู่ในครีนกี ถอนตัวออกไปก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะถูกทำลายเรียบ
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://email.mg2.substack.com/c/eJxMkLtu2zAYRp-G3CTwKpEDh7ota7dw0SJBnC3g5ZclRzeQNAzl6YMki9fvO8s5wRU4L2kz1wypSrCOG45GRKqkwmBoSxinhFCJe8Mki9QTCJ5qGiUTrQOtNHOtlA5agQfDPnBGKZWSc1lTr3mjJJEgtA6NQIJMZ1bnq8_Fhdc6LBMeTV_KmhH_hphFzN6fiNkEcUgQCmKWa-1CE3xFYoiViKSrlPaxYiEIz1mnolKI2wviP2D7TQ-XZTiennr41TeHmdT6-P3xof0n_gx__9vd1F5WuxXbnvYiqDe4PVu76-Ked676idcll5chGsp1o6Vg9Gsp2wpmhlseoRRIOJlcYO1hrn3aYEaCnCc3jJ9e-erjMrlhNjdw6zJnXO4ivwcAAP__X0F2ZA)
นักหนังสือพิมพ์ของดุมสกายา ชื่อ นิโคไล ลาริน (Nikolai Larin) เขียนเอาไว้ดังนี้: “พวกทหารเรือข้ามแม่น้ำด้วยเครื่องมืออุปกรณ์เท่าที่จะหาได้เฉพาะหน้า และส่วนใหญ่ถูกฆ่าตายตรงบริเวณเส้นทางไปถึงชายฝั่งของพวกเขา พวกที่รอดชีวิตมาได้และข้ามแม่น้ำไปได้สำเร็จ ก็จะถูกเปิดเผยตัวตนให้แก่ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งอยู่ในคลังแสงของรัสเซีย จากที่ตรงนั้นพวกเขาไม่มีการนำเอาคนบาดเจ็บออกมาหรอก ผู้คนจึงกำลังถูกโยนลงไปในแม่น้ำอย่างสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ ระลอกแล้วระลอกเล่า”
การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสงครามและยุทธวิธีในสงครามถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติเอาเลยในยูเครน แต่ ลาริน ไปค่อนข้างไกลทีเดียวเมื่อเขาเขียนเอาไว้ดังนี้: “นี่คือสไตล์ของการทำสงครามที่เลวร้ายอย่างยิ่ง! เรามีความเชื่อมั่นว่าความพยายามที่จะสงวนรักษาพื้นที่ซึ่งอยู่ในลักษณะเป็นเศษที่ดินเหล่านี้เอาไว้ต่อไปคืออาชญากรรม บางทีเราอาจจะถูกตั้งข้อกล่าวหาอะไรซึ่งแย่ๆ แต่เราไม่สามารถอยู่นิ่งๆ เงียบๆ ได้อีกต่อไปแล้ว”
ยูเครนกำลังพล่าผลาญกองกำลังไปอย่างไร้ประโยชน์ทั้งในภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศ กระนั้น รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน รุสเตม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) ยังคงบอกว่า “ยูเครนกำลังตระเตรียมแผนการที่ฉลาดหลักแหลมมากแผนหนึ่งสำหรับปีหน้า ซึ่งจะบังคับให้ฝ่ายรัสเซียต้องถอนตัวออกจากไครเมียไปตลอดกาล เมื่อพวกคุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับแผนการนี้ พวกคุณก็จะต้องรู้สึกเซอร์ไพรส์”
รัฐสภาสหรัฐฯ อาจจะลงเอยด้วยการอนุมัติเงินงบประมาณเพิ่มเติมจำนวนหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่ยูเครนอย่างไม่เต็มใจ แต่ไม่ว่าจะโยนดอลลาร์มากมายแค่ไหนเข้าไปในปัญหานี้ มันก็ไม่น่าที่จะเปลี่ยนแปลงฉากทัศน์ของสมรภูมิซึ่งกำลังกางออกมาให้เห็นกันได้อย่างถนัดชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ