กองทหารอิสราเอลสู้รบอย่างดุเดือดกับพวกนักรบฮามาสในบริเวณตอนใต้ของดินแดนฉนวนกาซาเมื่อวันพุธ (6 ธ.ค.) หลังจากเดินหน้าบุกเข้าไปจนถึงใจกลางเมืองข่านยูนิส บีบบังคับให้บรรดาพลเรือนชาวปาเลสไตน์ต้องดิ้นรนหลบหนีหาที่หลบภัยในสถานที่อื่นๆ ขณะพื้นที่ซึ่งมีความปลอดภัยอยู่บ้าง กำลังมีจำนวนลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ
ไม่เพียงกำลังภาคพื้นดิน ฝูงเครื่องบินรบของอิสราเอลยังโจมตีทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายต่างๆ ตลอดทั่วทั้งดินแดนแคบๆ ริมทะเลซึ่งมีประชากรพำนักอาศัยกันแออัดหนาแน่นแห่งนี้ จนถือเป็นช่วงหนึ่งที่มีการสู้รบหนักหน่วงที่สุดในระยะเวลา 2 เดือนนับตั้งแต่ที่อิสราเอลเริ่มเปิดการรณรงค์ทางทหารซึ่งตั้งจุดประสงค์เอาไว้ที่การกำจัดกวาดล้างกลุ่มฮามาสที่เป็นกลุ่มนักรบชาวปาเลสไตน์ให้หมดสิ้น
ผู้เห็นเหตุการณ์หลายรายบอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า กองทหารอิสราเอล พร้อมด้วยรถถัง รถสายพานลำเลียงพลหุ้มเกราะ และรถบูลโดเซอร์ทหาร ได้เคลื่อนขบวนเข้าไปในข่านยูนิส ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในตอนใต้ของกาซา และกำลังบีบบังคับให้บรรดาพลเรือนซึ่งจำนวนมากเป็นพวกพลัดถิ่นหลบหนีจากตอนเหนือตามคำสั่งของกองทัพรัฐยิวอยู่แล้ว ต้องรีบฉวยคว้าข้าวของที่ยังเหลือติดตัวและหนีตายกันอีกครั้งหนึ่ง
จุดเน้นหนักของการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นทางด้านใต้ของกาซา ภายหลังการสู้รบและการถล่มทิ้งระเบิดอย่างดุเดือดของอิสราเอลได้ทำให้พื้นที่จำนวนมากทางตอนเหนือกลายเป็นกองเศษปรักหักพัง และบีบบังคับให้ประชาชนซึ่งประมาณการกันว่ามีอยู่ราว 1.9 ล้านคนให้หลบหนี
“กองกำลังของเราเวลานี้กำลังเข้าล้อมพื้นที่เมืองข่านยูนิส ในตอนใต้ของฉนวนกาซา” เฮอร์ซี ฮาเลวี ผู้บัญชาการทหารบกของอิสราเอลแถลงในวันอังคาร (5)
“เราได้ทำให้ที่มั่นฮามาสจำนวนมากมาตอนเหนือของฉนวนกาซากลายเป็นสถานที่มีความปลอดภัยได้สำเร็จแล้ว และเวลานี้เรากำลังปฏิบัติการเล่นงานที่มั่นต่างๆ ของพวกเขาทางด้านใต้”
ผู้สื่อข่าวและช่างภาพหลายคนของเอเอฟพีรายงานว่า ในตอนเช้าวันพุธ (6) ถนนสายต่างๆ ในข่านยูนิสอยู่ในสภาพแทบไร้ผู้คน ขณะที่ชาวบ้านพยายามหาที่หลบพักพิงจากลูกกระสุนและลูกปืนใหญ่ที่ยิงถล่มลงมา และผู้ที่ล้มตายและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บยังคงถูกลำเลียงหลั่งไหลเข้าไปท่วมล้นโรงพยาบาลแห่งต่างๆ ของเมือง โดยที่พวกเจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉินชาวปาเลสไตน์บอกว่า ข้าวของหยูกยาต่างๆ กำลังร่อยหลอใกล้หมดเต็มที
อิสราเอลประกาศสงครามกวาดล้างฮามาส หลังจากนักรบกลุ่มนี้บุกโจมตีดินแดนตอนใต้ของรัฐยิวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งตามตัวเลขของทางการอิสราเอล ได้สังหารผู้คนไปราว 1,200 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนั้นยังจับตัวประกันกลับไปกาซาราวๆ 240 คน
ขณะที่สำนักงานสื่อมวลชนของฮามาสแถลงในวันอังคารว่า การถล่มโจมตีกาซาของอิสราเอลนับแต่นั้นได้สังหารผู้คนในดินแดนนี้ไปอย่างน้อย 16,248 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ และผู้หญิง
จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายในกาซาอย่างมากมายเช่นนี้ จุดชนวนให้เกิดความห่วงกังวลกันไปทั่วโลก และยิ่งเข้มข้นทวีขึ้นอีกจากข่าวคราวการขาดแคลนอาหารและข้าวของต่างๆ อย่างน่าอนาถ สืบเนื่องจากมาตรการปิดล้อมของอิสราเอล
ก่อนหน้านี้ อิสราเอลบอกให้พวกพลเรือนในตอนเหนือของกาซา อพยพลงใต้เพื่อหาที่ปลอดภัย ขณะที่พวกเขากำลังโฟกัสถล่มโจมตีดินแดนทางด้านนั้น โดยที่มีชาวปาเลสไตน์จำนวนมากตัดสินใจอพยพมาที่เมืองข่านยูนิส เพราะเชื่อว่าจะมีความปลอดภัยมากกว่า
ความรุนแรงในกาซา “เวลานี้ติดอันดับอยู่ในหมู่เหตุการณ์โจมตีทำร้ายประชากรพลเรือนครั้งเลวร้ายที่สุดในสมัยของเราและในยุคของเราไปแล้ว” นี่เป็นข้อกล่าวหาของ “สภาผู้ลี้ภัยนอร์เวย์” ที่เป็นกลุ่มให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยที่กลุ่มนี้ยังเตือนถึงภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากนี้ ในเมื่อฤดูหนาวย่างกรายเข้ามา
ขณะที่ โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่ฝ่ายสิทธิมนุษยชนของสหประชาชน กล่าวในที่ประชุมแถลงข่าว ณ นครเจนีวา ว่า “ชาวปาเลสไตน์ในกาซากำลังมีชีวิตอยู่ในท่ามกลางความสยดสยองอย่างที่สุดและยังคงเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ” พร้อมกับเรียกร้องให้มีการหยุดยิงโดยด่วน รวมทั้งตั้งข้อหาว่า ชาวกาซากำลัง “ถูกลงโทษแบบเหมารวม” จากการก่อการโจมตีของกลุ่มฮามาส
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์)