สถาบันจัดอันดับเครดิตระดับโลกมูดีส์ (Moody’s) ประกาศปรับแนวโน้มความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จากมีเสถียรภาพกลายเป็น “ลบ” (negative) เมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) โดยอ้างถึงภาวะขาดดุลการคลังในระดับสูงมาก และความสามารถในการชำระหนี้ (credit affordability) ที่ลดลง
แม้จะปรับแนวโน้มความน่าเชื่อถือเป็นลบ ทว่ามูดีส์ยังคงตรึงระดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาว และตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน (senior unsecured bond) ของสหรัฐฯ เอาไว้ที่ AAA โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นยังคงแข็งแกร่งอยู่
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ Fitch ได้ปรับลดเครดิตความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ลงมาเหลือ AA+ เมื่อเดือน ส.ค. สืบเนื่องจากการงัดข้อทางการเมืองระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ในขณะที่สถาบัน S&P นั้นคงเครดิตความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ เอาไว้ที่ AA+ มาตั้งแต่ปี 2011
การใช้จ่ายงบประมาณและความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วการเมืองในสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลต่อนักลงทุน ส่งผลให้เกิดแรงเทขายและฉุดราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลงมาอยู่ในจุดต่ำสุดในรอบ 16 ปี
ทันทีที่มูดีส์แถลงผลการจัดอันดับออกมา คารีน ฌ็อง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว ก็ออกมาแถลงทันควันว่า การที่สหรัฐฯ ถูกปรับลดความน่าเชื่อถือเป็นลบคราวนี้ “เป็นผลมาจากความสุดโต่ง (extremism) และการความผิดปกติในการทำหน้าที่ (dysfunction) ของฝ่ายรีพับลิกันในสภาคองเกรส”
วอลลีย์ อเดเยโม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมาระบุเช่นกันว่า “ถึงแม้มูดีส์จะยังคงเครดิตของสหรัฐฯ ไว้ที่ AAA แต่เราก็ไม่เห็นด้วยที่มีการปรับแนวโน้มเศรษฐกิจเป็นลบ เศรษฐกิจของอเมริกายังคงแข็งแกร่ง และพันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นสินทรัพย์สภาพคล่อง (liquid assets) ที่ปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก”
ที่มา : รอยเตอร์