อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการแห่งสหประชาชาติ ในวันเสาร์ (21 ต.ค.) เรียกร้อง "หยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม" ในสงครามระหว่างอิสราเอลและนักรบฮามาส ที่ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของกาซา พร้อมเร้าให้ดำเนินการต่างๆ เพื่อหยุด "ฝันร้ายที่น่าหวาดกลัวนี้"
อ้างอิงของบรรดานักการทูตอาหรับ ในการปราศรัยกับที่ประชุมซัมมิตหนึ่งในกรุงไคโร ทาง กูเตอร์เรส บอกว่าฉนวนปาเลสไตน์ที่มีประชาชนพักอาศัยอยู่ 2.4 ล้านราย กำลังเผชิญกับ "หายนะด้านมนุษธรรม" ด้วยมีผู้เสียชีวิตหลายพันคน และมากกว่า 1 ล้านคนต้องไร้ถิ่นฐาน
เหตุนองเลือดล่าสุดเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม ครั้งที่นักรบฮามาสเข่นฆ่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 1,400 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน จากการเปิดฉากจู่โจมเล่นงานอิสราเอลอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน พร้อมจับตัวประกันไปอีกมากกว่า 200 คน
อิสราเอล แก้แค้นด้วยการเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอย่างไม่รามือ เข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ไปแล้วมากกว่า 4,300 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน พร้อมทั้งตัดน้ำตัดไฟและอาหารในฉนวนแห่งนี้
สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างคำสัมภาษณ์ของบรรดาทูตอาหรับ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยว่า การประชุมในเมืองหลวงของอียิปต์ ไม่อาจบรรลุข้อตกลงใดๆ เนื่องจากพวกตัวแทนจากตะวันตกหาทาง "โยนความรับผิดชอบอย่างชัดเจนไปที่พวกนักรบฮามาส สำหรับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลาย" ซึ่งบรรดาผู้นำอาหรับปฏิเสธ
พวกเจ้าหน้าที่ตะวันตกยังต้องการเรียกร้องให้ปล่อยตัวบรรดาผู้คนที่ถูกฮามาสจับเป็นตัวประกันด้วย
ด้วยเหตุนี้ประธานาธิบดีอียิปต์ จึงออกถ้อยแถลงแทน ในร่างที่ได้รับความเห็นชอบจากบรรดาผู้เข้าร่วมอาหรับทั้งหลาย โดยบอกว่าสงครามเปิดโปงให้เห็นถึงความบกพร่องในค่านิยมต่างๆ ในประชาคมนานาชาติ
อิสราเอล เผยแพร่ถ้อยแถลงตอบโต้ โดยคร่ำครวญที่ไม่มีการประณามที่สิ่งที่พวเขาเรียกว่า "ก่อการร้ายอิสลามิก" ที่เป็นอันตรายต่อภูมิภาคและทั่วทั้งโลก "เคราะห์ร้ายที่แม้ว่ายามต้องเผชิญกับความโหดร้ายป่าเถื่อนที่น่าสยดสยองเช่นนี้ แต่มีบางส่วนยังมีความยากลำบากที่จะประณามก่อการร้านหรือรับรู้ถึงอันตราย" ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศระบุ "อิสราเอลจะทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ และคาดหมายว่าประชาคมนานาชาติจะรับรองว่าเป็นการต่อสู้ที่ชอบธรรม"
ในการประชุมแบบเปิดเผย กูเตอร์เรส กล่าวต่อว่า "ความขับข้องใจที่มีมาอย่างยาวนานของประชาชนปาเลสไตน์เป็นเรื่องชอบธรรม หลังจากการบุกยึดที่ลากยาวมานานกว่า 56 ปี ไม่มีวี่แววจะสิ้นสุดใดๆ แต่เน้นย้ำว่าพวกฮามาส ไม่อาจนำความคับข้องใจดังกล่าวมาอ้างความชอบธรรมในการลงมือจู่โจมคุกคามพลเรือนอิสราเอล แต่ขณะเดียวกัน "ก็ไม่อาจนำการโจมตีที่น่ารังเกียจนี้มาอ้างความชอบธรรมสำหรับลงโทษประชาชนชาวปาเลสไตน์ร่วมกัน"
การประชุมครั้งนี้ ยังมีบรรดาผู้นำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สเปน และอิตาลีเข้าร่วมด้วย ขณะที่กษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 ของจอร์แดน ทรงเรียกร้องให้หยุดทำสงครามในกาซาในทันที และประณามสิ่งที่พระองค์เรียกว่า "ความนิ่งเงียบของโลก" ต่อการตายและความทุกข์ทรมานของปาเลสไตน์
ที่ประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมขบวนแรกเดินทางเข้าสู่ทางใต้ของฉนวนกาซา ในสิ่งที่ กูเตอร์เรส เน้นย้ำข้อเรียกร้องว่าให้ยกระดับความช่วยเหลือขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความจำเป็นต้องส่งมอบความช่วยเหลือมากกว่านี้
สหประชาชาติบอกว่า ฉนวนกาซาต้องการรถบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมราว 100 คันต่อวัน
ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี แห่งอียิปต์ เร่งเร้าว่าทางออกเดียวของความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ คือ "ความยุติธรรม" และบอกว่าชาวปาเลสไตน์ต้องตระหนักถึงสิทธิความชอบธรรมในการกำหนดอนาคตของตนเองและมีรัฐเอกราชในดินแดนของพวกเขา
มาห์มูด อับบาส ประธานองค์การบริหารรัฐปาเลสไตน์ เน้นย้ำข้อเรียกร้องสำหรับทางออก 2 รัฐและยุติการยึดครองของอิสราเอล พร้อมเน้นย้ำ ในสิ่งที่เขาเคยเอ่ยปากเตือนว่าวิกฤตคราวนี้อาจเป็นนักบา 2 (หายนะหรือภัยพิบัติ) ซึ่งหมายถึงการกวาดล้างทางชาติพันธุ์อย่างเป็นระบบต่อชาวปาเลสไตน์โดยกองกำลังกึ่งทหารของไซออนิสต์ ทำให้มีชาวปาเลสไตน์ต้องหลบหนีหรือถูกเนรเทศออกจากดินแดนของตนเองมากกว่า 760,000 คน ช่วงระหว่างการก่อตั้งรัฐอิสราเอล ในปี 1948 "เราจะไม่ไปไหน" เขาพูดเน้น 3 รอบ ในช่วงท้ายของการปราศรัย
อียิปต์และจอร์แดน ปฏิเสธเสียงเรียกร้องซ้ำๆที่ขอให้อ้าแขนรับผู้ลี้ภัยจำนวนมากจากกาซาเข้าสู่อียิปต์ โดยเตือนว่าการบังคับไร้ถิ่นฐานจะนำไปสู่การกำจัดเหตุผลของปาเลสไตน์
(ที่มา : เอเอฟพี)
