พวกเจ้าหน้าที่กาซา เปิดเผยว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเที่ยวหนึ่งของอิสราเอลเมื่อวันอังคาร (17 ต.ค.) ปลิดชีพผู้คน ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในฉนวนกาซาแห่งนี้ไปราว 500 คน อย่างไรก็ตาม อิสราเอลรุดออกมาปฏิเสธ โดยอ้างว่าระเบิดของฝ่ายปาเลสไตน์เองที่เป็นต้นตอของเหตุระเบิด
จากตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าว ส่งผลให้การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีแบบโดดๆ ที่เข่นฆ่าชีวิตผู้คนในฉนวนกาซา มากกว่าครั้งไหนๆในความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และมันโหมกระพือการประท้วงในเขตเวสต์แบงก์ เมืองอิสตันบูล และอัมมาน
ไม อัลไคลา รัฐมนตรีสาธารณสุขในรัฐบาลกาซา ซึ่งบริหารงานโดยกลุ่มฮามาส กล่าวหาอิสราเอล "สังหารหมู่" ณ โรงพยาบาลอัล-อาห์ลี อัล-อาราบี การโจมตีเข่นฆ่าผู้คนหลายร้อยรายและเกิดขึ้นในวันที่ 11 ของปฏิบัติการโจมตีถล่มฉนวนกาซาอย่างหนักหน่วงของอิสราเอล
เบื้องต้น หัวหน้าหน่วยป้องกันพลเรือนรายหนึ่งบอกว่ามีผู้เสียชีวิต 300 ราย แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขรายหนึ่งปรับเพิ่มตัวเลขในเวลาต่อมา ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 500 คน ในขณะที่ ฮามาส บอกว่าคนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้พลัดถิ่น
โฆษกกองทัพอิสราเอล รุดปฏิเสธความรับผิดชอบ อ้างผลวิเคราะห์โดยระบบปฏิบัติการของเขา แสดงให้เห็นว่าจรวดลูกหลงของศัตรู ที่เล็งเป้าหมายเล่นงานอิราเอล พุ่งผ่านโรงพยาบาลในช่วงเวลาของการโจมตี และกล่าวโทษไปที่นักรบญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์
เช่นเดียวกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่บอกว่าการก่อการร้ายอันโหดเหี้ยมป่าเถื่อนในฉนวนกาซา ที่โจมตีเล่นงานโรงพยาบาลในกาซา ไม่ใช่ฝีมือของกองทัพอิสราเอล
อย่างไรก็ตาม นักรบญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ ยืนกรานว่าไม่มีจรวดของพวกเขาลูกไหนที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่โรงพยาบาล โดยบอกว่าพวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวทั้งในหรือรอบเมืองกาซาซิตี ในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ พวกนักรบญิฮาดอิสลาม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เข้าร่วมในปฏิบัติการจู่โจมที่นำโดนกลุ่มฮามาส เล่นงานอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และเช่นเดียวกับฮามาส พวกเขามักยิงจรวดมากมายเป็นชุดๆ เข้าใส่อิสราเอล
ข่าวเกี่ยวกับการโจมตีใส่โรงพยาบาลและตัวเลขผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โหมกระพือเสียงประณามจากมากมายหลายประเทศ ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนอิสราเอล ในขณะที่รัสเซียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดประชุมฉุกเฉิน และเกิดเหตุปะทะกันในเวสต์แบงก์
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร (17 ต.ค.) สหประชาชาติเผยว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเที่ยวหนึ่งของอิสราเอล โดนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีประชาชนเข้ามาหลบภัยอย่างน้อย 4,000 คน ทั้งนี้สหประชาชาติระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 6 คน และบาดเจ็บหลายสิบคนในเหตุโจมตีดังกล่าว ส่วนกองทัพอิสราเอลบอกแต่เพียงว่ากำลังตรวจสอบรายงานข่าวนี้
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในฉนวนกาซา เปิดเผยก่อนหน้าเหตุการณ์ในวันอังคาร (17 ต.ค.) ว่ามีประชาชนอย่างน้อย 3,000 รายแล้วที่เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ที่ยืดเยื้อมา 11 วัน นับตั้งแต่พวกนักรบฮามาส บุกจู่โจมเมืองต่างๆ ของอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารทหารและพลเรือนไปมากกว่า 1,300 คน
ประชาชนผู้ไร้ที่อยู่อาศัย หลบหนีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเข้าไปแออัดกันตามโรงพยาบาลต่างๆ หาทางลี้ภัยในโรงพยาบาลเหล่านี้ ในความหวังว่าจะปลอดภัยกว่าเดิม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อิสราเอลออกคำสั่งให้ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ครึ่งบนทางเหนือของฉนวนกาซา ซึ่งมีความยาวแค่ 45 กิโลเมตรและเป็นถิ่นพำนักของประชาชน 2.3 ล้านคน ให้ออกจากบ้านเรือน แล้วอพยพมุ่งหน้าลงไปทางใต้
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงพบว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลถล่มเป้าหมายต่างๆ ทั่วทั้งฉนวนแห่งนี้ และแม้คาดหมายว่าอิสราเอลเตรียมเปิดปฏิบัติการจู่โจมทางภาคพื้นเร็วๆ นี้ พวกผู้พลัดถิ่นบางส่วนได้เริ่มอพยพกลับไปทางเหนือแล้ว
องค์การอนามัยโลกระบุว่าไม่เคยมีการโจมตีใส่โรงพยาบาลในขอบเขตเลวร้ายเช่นนี้มาก่อน พร้อมบอกว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์และเสบียงทางการแพทย์ต้องเข้าถึงฉนวนกาซาโดยเร็ว และกล่าวเตือนเกี่ยวกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมในระยะยาว ทั้งนี้มีรายงานว่ารถบรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์จากอียิปต์ กำลังจอดรอตามแนวชายแดน รอไฟเขียวเข้าไปยังกาซา แต่ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ ที่อนุญาตให้พวกเขาเข้าไปภายใน
ประเทศต่างๆ ทยอยออกมาประณามการโจมตีใส่โรงพยาบาลในครั้งนี้ ในนั้นรวมถึงแคนาดา อียิปต์ ตุรกี จอร์แดน กาตาร์ และฝรั่งเศส
(ที่มา : รอยเตอร์)
