เควิน แมคคาร์ธี กลายเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คนแรกในประวัติศาสตร์ระยะเวลากว่า 200 ปี ที่ถูกโหวตปลดออกจากตำแหน่ง เมื่อสมาชิกรีพับลิกันกลุ่มเล็กๆ จับมือกับเดโมแครตที่เป็นฝ่ายค้าน ทำให้คองเกรสอยู่ในสภาพยิ่งชุลมุนวุ่นวายหนัก หลังจากเพิ่งโหวตช่วยรัฐบาลรอดพ้นการชัตดาวน์ได้หวุดหวิดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การลงมติด้วยคะแนน 216 ต่อ 210 เสียงเมื่อวันอังคาร (3 ต.ค.) ทำให้แมคคาร์ธี กลายเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คนแรกตลอดประวัติศาสตร์ 234 ปีของสภาแห่งนี้ที่ถูกถอดจากตำแหน่ง โดยสมาชิกสายขวาจัดของรีพับลิกัน 8 คน โหวตให้เขาพ้นตำเก้าอี้ร่วมกับ ส.ส.เดโมแครตอีก 208 คน ขณะที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งนี้อีก
เหตุการณ์นี้ทำให้มีแนวโน้มว่า สภาล่างของอเมริกาจะอยู่ในสภาพขาดผู้นำไปอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ โดย ส.ส.รีพับลิกันหลายคนเผยว่านัดหารือกันวันอังคารหน้า (10 ต.ค.) และอาจเลือกประธานสภาผู้แทนคนใหม่ในวันรุ่งขึ้น
ผู้นำกลุ่มกบฏในรีพับลิกันคือ แมตต์ เกตซ์ นักการเมืองขวาจัดจากรัฐฟลอริดาซึ่งเป็นผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างแข็งขัน และเป็นผู้ต่อต้านแมคคาร์ธี เรื่อยมา โดยเรื่องที่เขาใช้เป็นอาวุธโจมตีจนได้ชัย คือการที่แมคคาร์ธี ไปพึ่ง ส.ส. เดโมแครตเมื่อวันเสาร์ (30 ก.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉบับชั่วคราว เป็นการป้องกันไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯ หมดงบประมาณ และหน่วยงานรัฐบาลกลางจำนวนมากต้องปิดทำการ หรือที่เรียกกันว่า “ชัตดาวน์”
เกตซ์กล่าวหาว่า แมคคาร์ธีไต่เต้าขึ้นสู่อำนาจจากการเรียกเก็บค่าผลประโยชน์พิเศษและนำไปแจกจ่ายเพื่อแลกกับฐานเสียงสนับสนุน
ทั้งนี้ เกตซ์เป็นหนึ่งใน ส.ส.รีพับลิกันกว่า 10 คนที่ยืนหยัดโหวตคัดค้านการชิงตำแหน่งประธานสภาล่างของแมคคาร์ธีเมื่อเดือนมกราคมอยู่หลายรอบ ซึ่งกว่าที่แมคคาร์ธีจะได้เก้าอี้นี้มาครองต้องผ่านการลงมติถึง 15 รอบในช่วงเวลา 4 วัน
ทางด้าน ส.ส.แนนซี เมซ ของรีพับลิกัน ให้สัมภาษณ์ว่า ร่วมโหวตปลดแมคคาร์ธีเพราะเขาผิดสัญญาในเรื่องการปรับปรุงการเข้าถึงยาคุมกำเนิด และการสนับสนุนร่างกฎหมายเกี่ยวกับชุดเก็บหลักฐานการข่มขืน
ขณะที่พวก ส.ส.รีพับลิกัน ซึ่งยังสนับสนุนเขา ชี้ว่า แมคคาร์ธีประสบความสำเร็จในการตัดลดงบใช้จ่ายของรัฐบาล และผลักดันประเด็นถึงอนุรักษนิยมอื่นๆ แม้เดโมแครตยังคงควบคุมวุฒิสภาและทำเนียบขาวอยู่ก็ตาม
เหตุการณ์นี้ถือเป็นไคลแมกซ์ของรอบหนึ่งปีที่สภาล่างซึ่งควบคุมโดยรีพับลิกัน ที่ทำให้วอชิงตันหวุดหวิดจะผิดนัดชำระหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ และชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาล
รีพับลิกันเวลานี้ครองเสียงข้างมากในสภาล่างด้วยคะแนนบางเฉียบแค่ 221-212 เท่ากับว่าต้องไม่มี ส.ส.พรรคแตกแถวเกิน 5 คน หาก ส.ส.เดโมแครตทั้งหมดร่วมใจโหวตเป็นหนึ่งเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ช่วงหลายสัปดาห์มานี้แมคคาร์ธีก็ทำให้ฝ่ายเดโมแครตขุ่นเคืองหลายเรื่องเช่นกัน ซึ่งรวมถึงการเปิดไต่สวนเพื่อดำเนินการถอดถอนประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมายังให้เวลา ส.ส.เดโมเครตเพียงน้อยนิดในการอ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์
อันที่จริงเดโมแครตสามารถช่วยแมคคาร์ธีให้รอดจากการถูกปลดได้ แต่หลังจากพิจารณาแล้ว เหล่า ส.ส.เดโมแครตลงความเห็นว่า ควรปล่อยให้รีพับลิกันจัดการปัญหาของพวกเขาเอง
การปลดแมคคาร์ธี ส่งผลให้กิจกรรมการพิจารณาและผ่านร่างกฎหมายในสภาล่างหยุดชะงัก โดยที่กฎหมายงบประมาณชั่วคราวจะหมดอายุแค่วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ และดังนั้นกำหนดเส้นตายการชัตดาวน์รัฐบาลครั้งต่อไปคือวันดังกล่าว หากคองเกรสไม่มีการอนุมัติเพิ่มงบประมาณให้
ทำเนียบขาวแสดงความหวังว่า สภาล่างจะรีบเร่งเลือกประธานคนใหม่ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญยังมีฐานะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีอันดับ 2 ถัดจากรองประธานาธิบดีอีกด้วย
เวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครจะได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ โดยที่ สตีฟ สกาลิส และทอม เอ็มเมอร์ สองผู้นำของรีพับลิกันอาจเป็นแคนดิเดตสำคัญ แม้ทั้งสองยังไม่เคยแสดงความสนใจอย่างเปิดเผย โดยขณะนี้สภาได้แต่งตั้งให้ ส.ส.แพทริก มคเฮนรี เป็นประธานสภาล่างชั่วคราว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากพรรครีพับลิกัน 2 คนล่าสุดคือ พอล ไรอัน และจอห์น โบห์เนอร์ ต่างต้องอำลาคองเกรสไปหลังจากขัดแย้งกับสมาชิกปีกขวาในพรรคเช่นกัน
(ที่มา : เอเอฟพี, เอเจนซีส์)