xs
xsm
sm
md
lg

เอฟทีซีจับมือ17รัฐฟ้อง‘อะเมซอน’ผูกขาดตลาด ทำให้สินค้าแพงเวอร์-ขัดขวางการแข่งขัน เรียกร้องให้ศาลพิจารณาบังคับขายธุรกิจบางส่วน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอฟทีซี หน่วยงานกำกับตรวจสอบการค้าระดับท็อปของสหรัฐฯ ร่วมกับอัยการของ 17 รัฐในอเมริกา เมื่อวันอังคาร (26 ก.ย.) ฟ้องร้อง “อะเมซอน”ใช้ฐานะยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซของตนโดยมิชอบ ด้วยการผลักดันให้สินค้าราคาเฟ้อ, เก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ขายแบบแรงเว่อ, และขัดขวางการแข่งขัน พร้อมขอให้ศาลพิจารณาแก้ปัญหาด้วยการบังคับอะเมซอนขายสินทรัพย์บางส่วน

ในคำฟ้องร้อง คณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯ (เอฟทีซี) ที่เป็นหน่วยงานกำกับตรวจสอบด้านการค้าและต่อต้านการผูกขาดระดับท็อปของสหรัฐฯ พร้อมกับทางอัยการของ 17 รัฐ กล่าวหาอะเมซอน ซึ่งก่อตั้งธุรกิจจากในโรงรถในปี 1994 และปัจจุบันกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ มีพฤติการณ์ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดทั้งของสหรัฐฯและของรัฐต่างๆ ด้วยการขัดขวางความพยายามของพวกผู้ขายในตลาดออนไลน์ที่จะเสนอผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วยราคาถูกกว่าบนอะเมซอน รวมทั้งยังบังคับให้ผู้ขายต้องใช้คลังสินค้าและบริการจัดส่งของอะเมซอน ส่งผลให้ต้นทุนทั้งสำหรับผู้ขายและผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

เอฟทีซีแจงว่า อะเมซอนลงโทษผู้ขายที่ขายสินค้าในราคาถูกกว่าตนเอง ด้วยการทำให้ผู้บริโภคค้นหาผู้ขายรายนั้นบนแพลตฟอร์มอะเมซอนยากขึ้น นอกจากนั้นอะเมซอนยังให้สิทธิพิเศษกับผลิตภัณฑ์ของตนเองมากกว่าผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งที่ขายในแพลตฟอร์มของบริษัท

ลีนา ข่าน ประธานเอฟทีซี ระบุว่า อะเมซอนใช้กลยุทธ์ผิดกฎหมายสกัดบริษัทดาวรุ่งที่มีแนวโน้มท้าทายการผูกขาดตลาดของตนเอง ซึ่งเท่ากับเป็นการใช้อำนาจการผูกขาดตลาดทำร้ายลูกค้า ทั้งครอบครัวนับล้านที่ซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มอะเมซอน และผู้ขายนับแสนที่ใช้อะเมซอนเพื่อเข้าถึงลูกค้า

การฟ้องร้องนี้ถูกคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว หลังจากมีกระแสร้องเรียนว่า Amazon.com และยักษ์ใหญ่ไฮเทคอื่นๆ ใช้อำนาจของตนในตลาดการค้นหา โซเชียลมีเดีย และการค้าปลีกออนไลน์ เพื่อครอบงำส่วนที่ทำกำไรสูงสุดในอินเทอร์เน็ต

ความจำเป็นในการดำเนินการกับเหล่าบิ๊กเทคเป็นหนึ่งในไม่กี่ไอเดียที่เดโมแครคและรีพับลิกันเห็นพ้องต้องกัน และประธานเอฟทีซีก็แสดงความกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับอำนาจของอะเมซอน

การฟ้องร้องนี้ยื่นต่อศาลสหรัฐฯในเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของอะเมซอนและ เกิดขึ้นภายหลังการสอบสวนนาน 4 ปี รวมทั้งหลังจากที่มีการฟ้องร้องกูเกิลและเฟซบุ๊ก

เอฟทีซีเผยว่า ได้ขอให้ศาลออกคำสั่งถาวรให้อะเมซอนยุติการกระทำผิดกฎหมาย เนื่องจากหากปล่อยไว้ต่อไป บริษัทแห่งนี้จะยังคงดำเนินการเพื่อปกป้องอำนาจการผูกขาดตลาดของตนเอง รวมทั้งยังขอให้ศาลพิจารณาการชดใช้ด้วยทางอื่นอย่างเป็นธรรมเป็นการชั่วคราวหรือถาวร ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะการบรรเทาความเสียหายเชิงโครงสร้างซึ่งจำเป็นสำหรับการฟื้นการแข่งขันที่เป็นธรรม

ทั้งนี้ การบรรเทาความเสียหายเชิงโครงสร้าง สำหรับการต่อต้านการผูกขาดตลาดแล้ว หมายถึงการบังคับให้ขายสินทรัพย์ เช่น ธุรกิจบางส่วน

ด้าน สเตซี มิตเชลล์ กรรมการบริหารร่วมของอินสติติวต์ ฟอร์ โลคัล เซลฟ์-รีไลแอนซ์ ชี้ว่า อีคอมเมิร์ซควรเป็นภาคส่วนที่มีพลวัตซึ่งตลาดมากมายแย่งชิงกันดึงดูดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ แต่กลับกลายเป็นว่า อีคอมเมิร์ซถูกผูกขาดโดยบริษัทแห่งเดียว

ขณะที่อะเมซอนตอบโต้ว่า การฟ้องร้องของเอฟทีซีเป็นการยืนหยัดความคิดผิดๆ และจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคจากการทำให้สินค้าแพงขึ้นและการจัดส่งช้าลง

เดวิด ซาโปลสกี้ รองประธานอาวุโสฝ่ายนโยบายสาธารณะทั่วโลกของอะเมซอน สำทับว่า การฟ้องร้องครั้งนี้บ่งชี้ชัดเจนว่า เป้าหมายของเอฟทีซีไม่ได้อยู่ที่การปกป้องผู้บริโภคและการแข่งขันอีกต่อไป

อนึ่ง ในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สิ้นสุดเมื่อปี 2021 กระทรวงยุติธรรมและเอฟทีซีได้เปิดสอบสวนกูเกิล เฟซบุ๊ก แอปเปิล และอะเมซอน

กระทรวงยุติธรรมฟ้องกูเกิลสองครั้งแล้ว โดยครั้งหนึ่งในสมัยทรัมป์เกี่ยวกับธุรกิจบริการค้นหาบนอินเทอร์เน็ต และครั้งที่สองซึ่งเกิดขึ้นในสมัยไบเดน เกี่ยวกับเทคโนโลยีโฆษณา

ส่วนเอฟทีซีฟ้องเฟซบุ๊กในสมัยทรัมป์ และปัจจุบันกำลังเร่งรัดคดีนี้เช่นเดียวกัน

(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น