รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวหากูเกิลจ่ายเงินปีละ 10,000 ล้านดอลลาร์ให้แอปเปิลและบริษัทอื่นๆ เพื่อปกป้องสถานะการผูกขาดบริการค้นหาออนไลน์ของบริษัท ขณะที่ทนายของบิ๊กเทคแห่งนี้โต้ว่า การที่บริการของกูเกิลได้รับความนิยมเป็นผลจากคุณภาพและการทุ่มลงทุนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ข้อกล่าวหานี้มีขึ้นในวันแรกของการเปิดการพิจารณาคดีต่อต้านการผูกขาดครั้งใหญ่ที่สุดในอเมริกาในรอบกว่า 2 ทศวรรษเมื่อวันอังคาร (11 ก.ย.) ซึ่งเคนเนธ ดินต์เซอร์ ทนายความของกระทรวงยุติธรรมระบุว่า คดีนี้จะชี้ขาดอนาคตของวงการอินเทอร์เน็ต
ในการไต่สวนที่คาดว่าจะใช้เวลา 10 สัปดาห์และมีการสอบปากคำพยานหลายสิบปากนั้น กูเกิลจะต้องพยายามโน้มน้าวให้ผู้พิพากษาอามิต พี. เมห์ธา เชื่อว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่มีมูล
ประเด็นฟ้องร้องสำคัญคือการที่รัฐบาลกล่าวหาว่า กูเกิลครอบงำบริการค้นหาทางออนไลน์อย่างไม่เป็นธรรมด้วยการทำสัญญาพิเศษกับผู้ผลิตอุปกรณ์ ผู้ให้บริการมือถือ และบริษัทอื่นๆ ซึ่งปิดโอกาสในการแข่งขันสำหรับคู่แข่งอื่นๆ
ดินต์เซอร์ ระบุว่า กูเกิลจ่ายเงินให้ผู้ผลิตอุปกรณ์อย่างแอปเปิล ผู้ให้บริการการสื่อสารไร้สายอย่างเอทีแอนด์ที และผู้พัฒนาเบราเซอร์อย่างมอซิลลาที่เป็นเจ้าของ “ไฟร์ฟ็อกซ์” และอีกหลายบริษัท รวมแล้วมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อรักษาสถานะเครื่องมือค้นหาตามค่าเริ่มต้นในโทรศัพท์และเว็บเบราเซอร์ ส่งผลให้ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาเกิดสิ่งที่รัฐบาลเรียกว่า “ลูปความคิดเห็น” ที่อำนาจครอบงำของกูเกิลขยายออกไปเนื่องจากผูกขาดการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ในระดับที่คู่แข่งไม่สามารถทำได้
การครอบงำของกูเกิลช่วยให้บริษัทแม่คือ อัลฟาเบต กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่รวยที่สุดในโลก โดยรายได้จากโฆษณาในกูเกิลคิดเป็นองค์ประกอบเกือบ 60% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท
ดินต์เซอร์ยังกล่าวหาว่า กูเกิลจัดการการประมูลโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตเพื่อขึ้นราคาที่เรียกเก็บจากผู้ลงโฆษณา และสำทับว่า กระทรวงยุติธรรมมีหลักฐานว่า กูเกิลพยายามดำเนินการเพื่อปกปิดการจ่ายเงินให้บริษัทต่างๆ เนื่องจากรู้ดีว่า เป็นการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด โดยหลักฐานดังกล่าวคือข้อความแชตที่ซันดาร์ พิชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) กูเกิล ขอให้ปิดฟังก์ชันประวัติการใช้งาน
ทว่า กูเกิลโต้แย้งว่า ความสำเร็จของบริษัทมาจากคุณภาพและการทุ่มลงทุนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
จอห์น ชมิดต์ลีน ทนายความของกูเกิล แจงว่า บริษัทจ่ายค่าชดเชยให้หุ้นส่วนธุรกิจสำหรับการทำให้แน่ใจว่า ซอฟต์แวร์ของกูเกิลได้รับการอัปเดตระบบความปลอดภัยและการบำรุงรักษาอื่นๆ อย่างทันท่วงที
เขายังบอกว่า ท่ามกลางตัวเลือกในการค้นหาและการเข้าถึงข้อมูลมากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อนในปัจจุบัน แต่บริษัทอย่างแอปเปิลที่เป็นเจ้าของเบราเซอร์ “ซาฟารี” และมอซิลลาซึ่งมีเบราเซอร์ “ไฟร์ฟ็อกซ์” ยังคงเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดคือกูเกิล
ปัจจุบัน กูเกิลครองส่วนแบ่งตลาดเสิร์ชเอนจิน 90% ในอเมริกาและทั่วโลก ซึ่งการใช้บริการจำนวนมากมาจากไอโฟนและมือถือที่รันระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล
การต่อสู้ทางกฎหมายนี้มีนัยต่อบิ๊กเทคที่ถูกกล่าวหาว่า ซื้อหรือบีบเค้นคู่แข่งขนาดเล็ก แต่มีเกราะป้องกันจากข้อกล่าวหาละเมิดกฎหมายการผูกขาด เนื่องจากบริการที่นำเสนอและถูกกล่าวหานั้นเป็นบริการฟรีอย่างเช่นกรณีกูเกิล หรือราคาไม่แพงเช่นกรณีแอมะซอน
การไต่สวนคดีต่อต้านการผูกขาดครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้รวมถึงกรณีที่ไมโครซอฟท์ถูกฟ้องร้องในปี 1998 ซึ่งที่สุดแล้วมีการทำข้อตกลงยอมความในปี 2001 หลังจากศาลอุทธรณ์ล้มเลิกคำสั่งให้บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้แตกกิจการ
(ที่มา : เอเอฟพี, เอพี)