ราคาน้ำมันขยับลง 1% ในวันพุธ (23 ส.ค.) จากความกังวลทางอุปสงค์ หลังพบคลังเบนซินสำรองในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีและมุมมองในแง่ดีเกี่ยวกับรายงานผลประกอบการบริษัทยักษ์ใหญ่ ขณะที่ทองคำฟื้นตัวต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 75 เซนต์ ปิดที่ 78.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 82 เซนต์ ปิดที่ 83.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ ที่พบว่าคลังน้ำมันเบนซินสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นถึง 1.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะลดลง 888,000 บาร์เรล
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นแม้ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ ในสัปดาห์เดียวกันจะลดลงถึง 6.1 ล้านบาร์เรล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกิจกรรมการกลั่นที่แข็งแกร่งและยอดการส่งออกระดับสูง ในขณะที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าสต๊อกเบนซินจะลดลงราว 2.8 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (23 ส.ค.) ปิดในแดนบวก ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และการปรับตัวลงของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกา ท่ามกลางมุมมองในแง่บวกต่อรายงานผลประกอบการของเอ็นวิเดีย บริษัทเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 184.15 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,472.98 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 48.46 จุด (1.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,436.01 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 215.16 จุด (1.59 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,721.03 จุด
หุ้นของเน็ตฟลิกซ์ แอปเปิล และเมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ต่างดีดตัวขึ้นมากกว่า 2% ในขณะที่ตัวเอ็นวิเดีย เองซึ่งมีกำหนดเผยแพร่รายงานผลประกอบการหลังปิดตลาด ปรับขึ้น 3.2% ระหว่างการซื้อขาย
พวกนักวิเคราะห์มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี หลังหลายวันก่อนหน้านี้ ดีดตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี
ความเคลื่อนไหวของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาทองคำในวันพุธ (23 ส.ค.) ดีดตัวขึ้นอย่างแรง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดของเดือนสิงหาคม โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 22.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,948.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)