ราคาน้ำมันขยับลงในวันจันทร์ (21 ส.ค.) หลังความหวังอุปสงค์ในจีนเหือดหาย ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจอ่อนแอในชาติผู้บริโภครายใหญ่แห่งนี้ ปัจจัยดังกล่าวฉุดวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน ขณะที่ทองคำปรับขึ้น 2 วันติดต่อกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 53 เซนต์ ปิดที่ 80.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 34 เซนต์ ปิดที่ 84.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
"มันดูเหมือนว่าการฟื้นตัวของจีนจะยังไม่เกิดขึ้น" จอห์น คิลดุฟฟ์ จากอะเกน แคปิตอล กล่าว "มีข้อสงสัยว่าพวกเขาจะซื้อน้ำมันอีกหรือไม่ พวกเขาซื้อน้ำมันดิบจำนวนมากสำหรับจัดเก็บในคลังสำรองก่อนหน้านี้ในปีนี้ พวกเขามีน้ำมันดิบในปริมาณมาก"
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันจันทร์ (21 ส.ค.) โดยแนสแดค ได้แรงหนุนจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยี ในขณะที่ดาวโจนส์ปรับลด หลังความเคลื่อนไหวหั่นอัตราดอกเบี้ยของจีนล้มเหลวในการสร้างความอุ่นใจแก่นักลงทุน ที่กังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจหมายเลข 2 ของโลกแห่งนี้
ดาวโจนส์ ลดลง 36.97 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,463.69 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 30.06 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,399.77 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 206.81 จุด (1.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,497.59 จุด
หุ้นของไมโครซอฟท์ แอมะซอน และเมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เป็นหนึ่งในบรรดาบริษัทที่ปรับขึ้นมากกว่า 1% ในสิ่งที่พวกนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไร หลังจากก่อนหน้านี้ปรับลดอย่างต่อเนื่อง
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนถูกกัดเซาะในเดือนนี้ จากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในจีน ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวหลังโควิด-19 หลุดจากเส้นทาง นอกจากนี้ ยังมีความกังวลด้วยว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเป็นเวลานาน ในความพยายามฉุดเงินเฟ้อให้ลงสู่ระดับเป้าหมาย 2%
ความกังวลต่างๆ เหล่านี้ผลักให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันจันทร์ (21 ส.ค.) ปิดบวก 2 วันติด โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 6.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,923.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)