ราคาน้ำมันปรับขึ้นมากกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (17 ส.ค.) จากดอลลาร์อ่อนค่าลง ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นต่อเนื่องจากระดับสูงสุดในรอบหลายปี ก่อความกังวลเกี่ยวกับตลาดทุน ในขณะที่ทองคำขยับลง 9 วันติดต่อกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ ปิดที่ 84.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันร่วงลงมากกว่า 1.5% จากความกังวลเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตาม ในวันพฤหัสบดี (17 ส.ค.) ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน หนึ่งวันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดประตูสำหรับปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมและข้อมูลในสัปดาห์นี้ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอเมริกามีความยืดหยุ่น
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (17 ส.ค.) ปิดลบ 3 วันติดต่อกัน หลังการดีดตัวขึ้นเพิ่มเติมของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากระดับสูงสุดในรอบหลายปี โหมกระพือความกังวลต่อตลาดทุนและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ
ดาวโจนส์ ลดลง 290.91 จุด (0.84 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,474.83 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 33.97 จุด (0.77 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,370.36 จุด แนสแดค ลดลง 157.70 จุด (1.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,316.93 จุด
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีเมื่อวันพุธ (16 ส.ค.) ทะยานขึ้นต่อเนื่องอีก 4.3%
การดีดตัวขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีขึ้นท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย หรืออาจคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงไว้เป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ส่วนราคาทองคำขยับลง 9 วันติดในวันพฤหัสบดี (17 ส.ค.) จากความเห็นแนวแข็งกร้าวในรายงาน minutes ของการประชุมเฟดเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่เผยแพร่หนึ่งวันก่อนหน้านี้ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 13.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,915.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)