เตือนคณะบริหารไบเดน อเมริกาจะเข้าสู่สงครามการค้ากับจีนเต็มพิกัด และต่างฝ่ายต่างจะพากันเดือดร้อนแสนสาหัส รวมทั้งกระทบกระเทือนหนักต่อการค้าและเศรษฐกิจทั่วโลก ถ้าทำตามข้อเรียกร้องของพวก ส.ส.รีพับลิกัน ที่ให้ตัดขาดภาคเซมิคอนดักเตอร์ของแดนมังกรจากเทคโนโลยีสหรัฐฯอย่างเด็ดขาด เพื่อตอบโต้การที่ หัวเว่ย และ SMIC ของจีนแหกวงล้อมแซงก์ชั่นของอเมริกาได้สำเร็จ ด้วยการร่วมมือกันผลิตสมาร์ตโฟน 5จี ที่ใช้ชิปซีพียูระดับ 7 นาโนเมตรซึ่งพัฒนาในจีนเอง ทั้งนี้เนื่องจากอเมริกามีจุดอ่อนเปราะร้ายแรงซึ่งอาจถูกแดนมังกรใช้มาแก้เผ็ดเอาคืน นั่นคือ เวลานี้ไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนอะไหล่สำคัญๆ ที่ใช้ในพวกโครงสร้างพื้นฐานสำคัญยิ่งยวดต่างๆ ตลอดจนในการทำอาวุธยุทโธปกรณ์ และต้องซื้อหานำเข้ามาจากจีน
กลุ่ม 10 ส.ส.คนสำคัญของฝ่ายรีพับลิกันในสภาล่าง ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา เรียกร้องอเมริกาปิดตายไม่ส่งออกเทคโนโลยีชิปไปให้จีน โดยพวกเขาอ้างว่าการที่ หัวเว่ย สามารถวางจำหน่ายสมาร์ตโฟน เมต60 โปร ซึ่งใช้ชิปซีพียู “คิริน 9000เอส” ระดับ 7 นาโนเมตร ซึ่งผลิตให้โดยบริษัท SMIC ของจีนเอง หมายความว่ามาตรการควบคุมการส่งออกที่คณะบริหารไบเดนนำมาบังคับใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 นั้นไม่มีประสิทธิภาพ
ขณะที่ Semianalysis.com เว็บไซต์สำคัญมากของอุตสาหกรรมชิปก็ประกาศว่า “การแซงก์ชั่นของสหรัฐฯนั้นประสบความล้มเหลว” และพูดถึงชิป 7 นาโนเมตรของ หัวเว่ย ว่า “ดีเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อในทางเทคนิค” และ “เป็นชิปที่ได้รับการดีไซน์ออกมาอย่างดียิ่งกว่าที่ส่วนใหญ่ในโลกตะวันตกจะเกิดความตระหนัก” ด้วยสมรรถนะคล้ายคลึงกับชิปโปรเซสเซอร์ เอไอ ชั้นเยี่ยมที่สุดของ อินวิเดีย และของควอลคอมม์ เว็บไซต์นี้ชี้อีกว่า ชิปตัวนี้ผลิตออกมาโดยมียีลด์ (yields) อยู่ในระดับสูง “โดยไม่มีการเข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯระดับล้ำยุคใดๆ เลย ตลอดจนไม่มีการปิดกั้นขัดขวางอย่างมีเจตนาใดๆ ด้วย”
เว็บไซต์แห่งนี้สรุปว่า จะต้องแบนการส่งออกเครื่องจักรอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ในทุกๆ ประเภททุกๆ หมวดหมู่เท่านั้น จึงจะสามารถหยุดยั้งความก้าวหน้าของจีนได้ “มาตรการแบบครึ่งๆ กลางๆ จะไม่ได้ผล ทว่าการเปิดการโจมตีแบบเต็มพิกัดก็จะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายของการที่ต้องทำสำเนาห่วงโซ่อุปทานด้านเซมิคอนดักเตอร์ขึ้นมาเองภายในประเทศ อยู่ในระดับสูงลิ่วจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว ...” เว็บไซต์นี้เขียนเอาไว้เช่นนี้
นี่หมายความว่า สหรัฐฯไม่สามารถที่จะหยุดยั้งจีนไม่ให้ทำชิปไฮเอนด์อย่างเช่น คิริน 9000 ตัวใหม่ของ หัวเว่ย ได้ ยกเว้นแต่สหรัฐฯจะปิดโรงงานทำเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศจีนได้สำเร็จ นี่ย่อมจะทำให้เกิดการสะดุดติดขัดอย่างมากมายมหาศาลติดตามมาไม่เพียงในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เท่านั้น แต่ยังในอุตสาหกรรมอีกหลายสิบแขนงที่ต้องพึ่งพาอาศัยเซมิคอนดักเตอร์อีกด้วย โดยที่จะก่อให้เกิดผลพ่วงต่อเนื่องทางเศรษฐกิจอย่างหนักหนาสาหัส
เวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนเอาเลยว่า สหรัฐฯจะสามารถระดมความสนับสนุนในเรื่องใหญ่โตขนาดนี้จากพวกชาติพันธมิตรอย่างเช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, และเนเธอร์แลนด์ ได้หรือไม่ โดยที่เมื่อเร็วๆ นี้เอง คณะบริหารไบเดนต้องยินยอมถอยให้แก่ความต้องการของฝ่ายเกาหลีซึ่งประสงค์ที่จะรักษาพวกโรงงานผลิตชิปที่พวกเขามีอยู่แล้วในจีนเอาไว้ต่อไป
อย่างไรก็ดี แม้กระทั่งถ้าหากสหรัฐฯสามารถชักจูงเกลี้ยกล่อมประเทศอื่นๆ ให้เข้าร่วมในการบอยคอตต์อย่างสิ้นเชิงไม่ส่งออกเครื่องจักรอุปกรณ์ทำชิปใดๆ ไปยังประเทศจีน สหรัฐฯก็ไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นประเทศเดียวเท่านั้นที่สามารถรุกใหญ่ทำสงครามเศรษฐกิจ แต่จีนสามารถที่จะตอบโต้เอาคืนได้เช่นกัน ผลกระทบจากการสะดุดติดขัดอย่างมหึมาที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลกถ้าหากเกิดสงครามแบบเต็มพิกัดนั้น เป็นเรื่องที่มโหฬารเกินกว่าที่จะคาดคำนวณออกมาได้ และผลสุดท้ายที่อาจเป็นไปได้ประการหนึ่งก็คือการที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญยิ่งยวดทั้งหลายของสหรัฐฯตกอยู่ในอาการเป็นอัมพาต
การถกเถียงกันในอเมริกา เกี่ยวกับการตอบโต้เอาคืนของฝ่ายจีนที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าหากสหรัฐฯออกมาตรการควบคุมการส่งออกเพิ่มเติมต่อไปอีก เวลานี้กำลังมุ่งโฟกัสความสนใจไปที่ความเป็นไปได้ในการสั่งห้ามพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนใช้โทรศัพท์มือถือของค่ายแอปเปิล อย่างไรก็ดี พวกเจ้าหน้าที่ทั้งในภาคบริษัทและในทางฝ่ายรัฐบาลของสหรัฐฯบอกกับเอเชียไทมส์ว่า จุดอ่อนเปราะของอเมริกันนั้นมองเห็นกันได้อย่างชัดเจนมากในรูปของพวกส่วนประกอบจำเป็นยิ่งยวดเป็นพันๆ หมื่นๆ อย่าง ซึ่งใช้กันอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานอันสำคัญยิ่งยวด และในอุตสาหกรรมกลาโหมของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สหรัฐฯนำเข้าพวกสินค้าทุนจากประเทศจีนสำหรับใช้ในการผลิตและการจัดส่งกระแสไฟฟ้าคิดเป็นมูลค่ารวม 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2022 ข้าวของประเภทนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีการผลิตขึ้นเองในสหรัฐฯมานานแล้ว
การปรับเปลี่ยนให้สหรัฐฯหันมาผลิตข้าวของเหล่านี้กันภายในประเทศ เป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลายาวนานในการเตรียมการและมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่ว พวกเจ้าหน้าที่ในแวดวงอุตสาหกรรมบอก ในกรณีที่เกิดสงครามการค้าแบบเต็มพิกัดขึ้นมา ถ้าฝ่ายจีนห้ามส่งออกพวกส่วนประกอบสำคัญยิ่งยวดก็อาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานทั้งหลายของสหรัฐฯกลายเป็นอัมพาตไปเลย
“จุดอ่อนเปราะของห่วงโซ่อุปทานสำหรับพวกโครงสร้างพื้นฐานสำคัญยิ่งยวดนั้น เป็นเรื่องที่สาหัสร้ายแรงมากและเป็นสิ่งที่ตัวเองทำขึ้นมา กล่าวคือ สหรัฐฯและพวกพันธมิตรของสหรัฐฯได้ปล่อยให้พวกเขาเองกลายเป็นเชลยของกลุ่มผูกขาดชาวจีนที่ควบคุมการผลิตบรรดาชิ้นส่วนอะไหล่ทางอิเล็กทรอนิกส์, แม่เหล็กพลังสูง, แผ่นวงจรพิมพ์ หรือ แผ่นปรินต์ , เครื่องคอมพิวเตอร์, โดรน, พวกโลหะแรร์เอิร์ธ, กังหันลม, เซลล์แสงอาทิตย์, โทรศัพท์มือถือ, และแบตเตอรีลิเธียม ... ในความเป็นจริงแล้ว ส่วนประกอบแทบทุกอย่างของสมาร์ตกริดดิจิตอล (ระบบโครงข่ายไฟฟ้าดิจิตอลอัจฉริยะ) ที่ยึดโยงอยู่กับเทคโนโลยี ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยส่วนประกอบซึ่งจีนเป็นผู้ผลิตกันทั้งนั้น” ไบรเอน เชียฮาน อดีตเจ้าหน้าที่ระดับท็อปในการกำกับตรวจสอบด้านพลังงานของสหรัฐฯ เขียนเอาไว้เช่นนี้เมื่อเดือนเมษายน
พวกผู้รับเหมารับจ้างที่ทำสัญญาผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ก็ต้องพึ่งพาอาศัยประเทศจีนอย่างมากมายเหมือนกัน ในการให้สัมภาษณ์แก่สื่อไฟแนนเชียลไทมส์ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา เกร็ก เฮย์ส ซีอีโอของเรย์ธีออน บอกว่า บริษัทของเขามี “ซัปพลายเออร์หลายพันรายในประเทศจีน และการหย่าร้างตัดขาดจากพวกเขาเหล่านี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราสามารถที่จะลดทอนความเสี่ยงแต่ไม่สามารถหย่าร้างแยกขาดได้” และกล่าวต่อไปอีกว่า เขาเชื่อว่าเรื่องนี้ก็เป็นอย่างเดียวกัน “สำหรับทุกๆ คน” ในวงการอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ
เฮย์ส กล่าวอีกว่า “ลองพิจารณาการค้ามูลค่าราวๆ 500,000 ล้านดอลลาร์ที่ออกมาจากจีนมาสหรัฐฯในทุกๆ ปี กว่า 95% ของพวกวัสดุแรร์เอิร์ธ หรือพวกโลหะแรร์เอิร์ธ นั้นมาจากจีน หรือไม่ก็แปรรูปกันในจีน แถมมันยังไม่มีทางเลือกจากที่อื่นๆ ด้วย ถ้าเราต้องถอนตัวออกจากจีน มันก็จะทำให้เราต้องใช้เวลาหลายๆ ปีมากๆ ในการกลับมามีสมรรถนะขนาดนั้นอย่างมั่นคงขึ้นได้ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศ หรือในประเทศที่เป็นเพื่อนมิตรรายอื่นๆ”
ทั้งนี้ เรย์ธีออน คือผู้ผลิตขีปนาวุธร่อน “โทมาฮอว์ก” ขีปนาวุธยิงจากอากาศสู่ภาคพื้นดิน “มาเวอริก” ขีปนาวุธต่อสู้รถถัง “แจฟลิน” และอาวุธหลักตัวอื่นๆในคลังแสงอเมริกัน
(ที่มา: เอเชียไทมส์)
(อ่านฉบับเต็มของรายงานข่าวนี้ในพากย์ภาษาไทยได้ที่เรื่อง ‘จีน’สามารถตอบโต้เอาคืน‘สหรัฐฯ’อย่างสาหัส ถ้าวอชิงตันขืนเดินหน้าทำ ‘สงครามเทค’เต็มพิกัด หลังปิดกั้นปักกิ่งพัฒนา‘ชิป7นาโนเมตร’ไม่สำเร็จ โดย เดวิด พี. โกลด์แมน https://mgronline.com/around/detail/9660000084002)