xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ถึงขั้นนั้น! โปแลนด์โบ้ยตีความผิด กรณีเดือดจัดจะเลิกป้อนอาวุธแก่ยูเครน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดีอันด์แชย์ ดูดา แห่งโปแลนด์ในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) อ้างว่าความเห็นก่อนหน้านี้ของนายกรัฐมนตรีมาแตอุช มอราวีแยตสกี เกี่ยวกับการไม่จัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครนอีกต่อไป ถูกตีความผิดๆ ท่ามกลางประเด็นถกเถียงหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่าง 2 ชาติ

โปแลนด์ เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนตัวยงของยูเครน หลังถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และเป็นหนึ่งในผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ป้อนแก่เคียฟ

นายกรัฐมนตรี มาแตอุช มอราวีแยตสกี กล่าวเมื่อวันพุธ (20 ก.ย.) ว่า "เราไม่ถ่ายโอนอาวุธแก่ยูเครนต่อไปอีกแล้ว เพราะเวลานี้เรากำลังติดอาวุธแก่โปแลนด์เอง ด้วยอาวุธที่ล้ำสมัยมากกว่าเดิม"

ล่าสุด ในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) โฆษกรัฐบาลออกมาชี้แจงว่า วอร์ซอจะทำตามคำสัญญาในข้อตกลงจัดหาอาวุธที่มีอยู่ในปัจจุบันกับยูเครน "โปแลนด์จะแค่ทำตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ ในการจัดหากระสุนและอาวุธ ในนั้นรวมถึงอาวุธและกระสุนที่เป็นผลจากการลงนามในสัญญากับยูเครน"

ดูดา โต้แย้งว่าคำพูดของนายกรัฐมนตรี ถูกตีความในแนวทางที่แย่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ "ในความเห็นของผม นายกรัฐมนตรีหมายความว่า เราจะไม่ถ่ายโอนอาวุธใหม่แก่ยูเครน ที่ปัจจุบันเรากำลังสั่งซื้อเพื่อปรับปรุงกองทัพโปแลนด์ให้ความทันสมัย"

วอร์ซอ ลงนามในข้อตกลงอาวุธหลายฉบับ ในนั้นรวมถึงกับสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่พวกเขาสั่งซื้อรถถัง K-2 แบล็กแพนเธอร์ และปืนใหญ่อัตตาจร K9 "ในขณะที่เราได้รับอาวุธใหม่จากสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เราจะปล่อยอาวุธปัจจุบันที่ใช้งานโดยกองทัพโปแลนด์ และบางทีเราอาจจะถ่ายโอนมันสู่ยูเครน" ดูดาระบุ

นอกเหนือจากส่งมอบอาวุธของตนเองแล้ว โปแลนด์ยังเป็นประเทศทางผ่านสำคัญ สำหรับอาวุธที่สหรัฐฯ และบรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกอื่นๆ ส่งไปช่วยเหลือยูเครน ขณะเดียวกัน โปแลนด์ยังเป็นแหล่งพักอาศัยของผู้ลี้ภัยชาวยูเครนราว 1 ล้านคน ที่ได้ประโยชน์จากความช่วยเหลือจากภาครัฐในรูปแบบต่างๆ

ความตึงเครียดโหมพระพือขึ้นจากคำสั่งแบนของโปแลนด์ ที่ห้ามนำเข้าธัญพืชของยูเครน เพื่อปกป้องเกษตรกรของพวกเขา

ยูเครนเคยเป็นหนึ่งในชาติผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ที่สุดของโลกก่อนจะถูกรัสเซียเปิดฉากรุกรานเมื่อเดือน ก.พ. ปี 2022 ซึ่งทำให้ศักยภาพในการส่งออกผลผลิตธัญพืชสู่ตลาดโลกลดลงไปมาก

เกษตรกรชาวยูเครนต้องพึ่งพาการส่งออกผ่านทางประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากท่าเรือในทะเลดำซึ่งเคยเป็นเส้นทางส่งออกหลักถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมมานานกว่า 18 เดือน

อย่างไรก็ตาม การไหลเข้าของธัญพืชและน้ำมันเมล็ดพืชจากยูเครนซึ่งมีราคาถูกกว่าส่งผลให้ราคาในท้องตลาดตกต่ำลง และกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรในท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้รัฐบาลยุโรปตะวันออกหลายประเทศจึงได้กำหนดมาตรการแบนธัญพืชและผลผลิตทางการเกษตรที่นำเข้าจากยูเครนเพื่อปกป้องเกษตรกรของตัวเอง

เมื่อเดือนพฤษภาคม สหภาพยุโรป (อียู) ตัดสินใจเข้าแทรกแซงด้วยการห้ามไม่ให้รัฐสมาชิกแต่ละประเทศสั่งแบนธัญพืชยูเครนฝ่ายเดียว โดยอียูอนุญาตให้ 5 สมาชิกในยุโรปตะวันออก ซึ่งได้แก่ บัลแกเรีย ฮังการี โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวะเกีย สามารถห้ามการจำหน่ายข้าวสาลี ข้าวโพด และเมล็ดทานตะวันที่นำเข้าจากยูเครนได้ ทว่ายังคงอนุญาตให้ธัญพืชจากยูเครนถูกขนส่งผ่านดินแดนของทั้ง 5 ชาติเพื่อส่งต่อไปจำหน่ายประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ (15 ก.ย.) โปแลนด์ สโลวะเกีย และฮังการี ประกาศมาตรการจำกัดการนำเข้าธัญพืชจากยูเครน หลังคณะกรรมาธิการยุโรปไม่ขยายคำสั่งห้ามนำเข้าธัญพืชยูเครนสู่ 5 ชาติในยุโรปตะวันออกที่มีพรมแดนติดกับยูเครน

เรื่องราวเกี่ยวกับการนำเข้าธัญพืชเป็นประเด็นที่อ่อนไหวอย่างยิ่งในโปแลนด์ ประเทศที่กำลังมีการจัดเลือกตั้งในเดือนหน้า ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลฝ่ายขวาของพรรคกฎหมายและความยุติธรรม (Law and Justice party) มีฐานเสียงที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเกษตรกรรมทั้งหลาย

"เราเป็นชาติแรกที่ทำอะไรต่างๆ เพื่อยูเครนมากมาย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงคาดหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจถึงผลประโยชน์ของเราบ้าง" มอราวีแยตสกี กล่าว "แน่นอนว่า เราเคารพทุกปัญหาของพวกเขา แต่สำหรับเรา ผลประโยชน์ของเกษตรกรของเราคือสิ่งสำคัญที่สุด"

เคียฟตอบโต้ความเคลื่อนไหวของโปแลนด์ ฮังการี และสโลวะเกีย ด้วยการแถลงว่าพวกเขาจะยื่นคำร้องไปยังองค์การการค้าโลก (WTO)

อย่างไรก็ตาม ทาง มอราวีแยตสกี เตือนก่อนหน้านี้ในวันพุธ (20 ก.ย.) ว่าเขาอาจจะขยายรายชื่อผลิตภัณฑ์จากยูเครนที่อยู่ในบัญชีห้ามนำเข้า หากว่าเคียฟโหมกระพือความขัดแย้งเกี่ยวกับธัญพืชให้ลุกลามบานปลาย

กระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ระบุว่า "การกระพือแรงกดดันใส่โปแลนด์ในเวทีประชุมนานาชาติ หรือส่งคำร้องเรียนไปยังศาลระหว่างประเทศ ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสม สำหรับคลี่คลายความเห็นต่างระหว่าง 2 ประเทศของเรา"

(ที่มา : เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น