ซัดกันเองแล้ว! โปแลนด์เรียกทูตยูเครนประท้วง หลังโดนเซเลนสกีด่า 'บางชาติ' ช่วยรัสเซียทางอ้อม

โปแลนด์เรียกเอกอัครราชทูตยูเครนเข้าพบเพื่อประท้วงที่กระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันพุธ (20 ก.ย.) หลังความเห็นของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เกี่ยวกับการแบนนำเข้าธัญพืช ก่อความขุ่นเคืองแก่รัฐบาลวอร์ซอ

ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศยูเครน เรียกร้องให้อยู่ในความสงบ ในข้อพิพาทที่ทำให้เคียฟเกิดความไม่ลงรอยกับประเทศเพื่อนบ้าน 3 ชาติ เกี่ยวกับการตัดสินใจของประเทศเหล่านี้ ที่กำหนดมาตรการแบนแต่เพียงฝ่ายเดียว ห้ามนำเข้าสินค้าทางการเกษตรจากยูเครน

ที่ผ่านมา โปแลนด์เป็นพันธมิตรตัวยงของ ยูเครน นับตั้งแต่เคียฟถูกรัสเซียเปิดฉากรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 แต่เวลานี้ทั้ง 2 ประเทศกำลังตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับการนำเข้า ในขณะที่โปแลนด์ ฮังการี และสโลวะเกีย ขยายขอบเขตการแบนการนำเข้าธัญพืชของยูเครน

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน บอกกับที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ว่า เคียฟกำลังหาทางคงไว้ซึ่งเส้นทางทางภาคพื้นสำหรับส่งออกธัญพืช แต่ระบุเพิ่มเติมว่า "ละครทางการเมือง" เกี่ยวกับการนำเข้าธัญพืชรังแต่กำลังช่วยรัสเซีย

กระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ระบุว่า พาเวลา จาบอลนสกี รัฐมนตรีช่วยว่าการได้ถ่ายทอดคำประท้วงที่แข็งกร้าวของฝ่ายโปแลนด์ ที่มีต่อถ้อยแถลงของประธานาธิบดีเซเลนสกี ณ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อวานนนี้ ซึ่งกล่าวอ้างว่าประเทศอียูบางชาติแสร้งทำเป็นอันหนึ่งเดียวกัน แต่ขณะเดียวกันกลับให้การสนับสนุนรัสเซียทางอ้อม

ยูเครนเคยเป็นหนึ่งในชาติผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ที่สุดของโลกก่อนจะถูกรัสเซียเปิดฉากรุกรานเมื่อเดือน ก.พ. ปี 2022 ซึ่งทำให้ศักยภาพในการส่งออกผลผลิตธัญพืชสู่ตลาดโลกลดลงไปมาก

เกษตรกรชาวยูเครนต้องพึ่งพาการส่งออกผ่านทางประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากท่าเรือในทะเลดำซึ่งเคยเป็นเส้นทางส่งออกหลักถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมมานานกว่า 18 เดือน

อย่างไรก็ตาม การไหลเข้าของธัญพืชและน้ำมันเมล็ดพืชจากยูเครนซึ่งมีราคาถูกกว่าก็ส่งผลให้ราคาในท้องตลาดตกต่ำลง และกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรในท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้รัฐบาลยุโรปตะวันออกหลายประเทศจึงได้กำหนดมาตรการแบนธัญพืชและผลผลิตทางการเกษตรที่นำเข้าจากยูเครนเพื่อปกป้องเกษตรกรของตัวเอง

เมื่อเดือนพฤษภาคม สหภาพยุโรป (อียู) ตัดสินใจเข้าแทรกแซงด้วยการห้ามไม่ให้รัฐสมาชิกแต่ละประเทศสั่งแบนธัญพืชยูเครนฝ่ายเดียว โดยอียูอนุญาตให้ 5 สมาชิกในยุโรปตะวันออก ซึ่งได้แก่ บัลแกเรีย ฮังการี โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวะเกีย สามารถห้ามการจำหน่ายข้าวสาลี ข้าวโพด และเมล็ดทานตะวันที่นำเข้าจากยูเครนได้ ทว่ายังคงอนุญาตให้ธัญพืชจากยูเครนถูกขนส่งผ่านดินแดนของทั้ง 5 ชาติเพื่อส่งต่อไปจำหน่ายประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ (15 ก.ย.) โปแลนด์ สโลวะเกีย และฮังการี ประกาศมาตรการจำกัดการนำเข้าธัญพืชจากยูเครน หลังคณะกรรมาธิการยุโรปไม่ขยายคำสั่งห้ามนำเข้าธัญพืชยูเครนสู่ 5 ชาติในยุโรปตะวันออกที่มีพรมแดนติดกับยูเครน

โฆษกรายหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศยูเครน เขียนบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า "เราเรียกร้องไปยังสหายโปแลนด์ของเขาให้วางอารมณ์ความฉุนเฉียวเอาไว้ ฝ่ายยูเครนได้ยื่นข้อเสนอแก่โปแลนด์ ในแนวทางที่สร้างสรรค์เพื่อคลี่คลายประเด็นธัญพืช" พร้อมเผยว่าเอกอัครราชทูตยูเครนได้ชี้แจงจุดยืนของเคียฟเกี่ยวกับมาตรการแบน "ที่ไม่อาจยอมรับได้" ของโปแลนด์ และชี้แนะว่าข้อเสนอของเคียฟ "จะกลายเป็นพื้นฐานสำหรับการผลักดันการเจรจาสู่เส้นทางที่สร้างสรรค์"

ขณะเดียวกัน ฟลอริน บาร์บู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรกรรมของโรมาเนีย เปิดเผยว่าบูคาเรตส์จะทำงานร่วมกับยูเครนในช่วง 30 วันข้างหน้า ในประเด็นแผนควบคุมการส่งออกธัญพืช เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโรมาเนีย

โฆษกขององค์การการค้าโลก (WTO) ยืนยันในวันอังคาร (19 ก.ย.) ว่า ยูเครนได้ใช้ก้าวย่างแรกในข้อพิพาททางการค้าด้วยการยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลกแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโฆษกไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศเหล่านั้น แต่เคียฟเคยบอกก่อนหน้านี้ว่าคำร้องดังกล่าวจะเล็งเป้าไปที่โปแลนด์ สโลวะเกีย และฮังการี

(ที่มา : รอยเตอร์)