มิซา โรดริเกซ นายทวารสาวจอมหนึบแห่งทีมชาติฟุตบอลสเปนทีมหญิง ทวิตการ์ตูนขึ้นบนเอ็กซ์ในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม อันเป็นภาพเจ๊าะแจ๊ะสนทนาระหว่างเด็กหญิงร่าเริงตัวน้อยกับคุณย่า “คุณย่าเล่าให้หนูฟังหน่อยค่ะว่าทีมชาติสเปนของคุณย่าชนะคว้าถ้วยเวิลด์คัพได้ยังไง” คุณย่าตอบว่า “พวกเราไม่ใช่แค่ชนะถ้วยเวิลด์คัพเท่านั้นหรอกนะ ยัยตัวเล็ก เรายังชนะอะไรมากมายกว่านั้นด้วย” เดอะซันรายงานข่าวที่บอกความระหว่างบรรทัดว่า ทีมชาติหญิงสปนคว้าถ้วยแชมป์โลก และยังชนะศึกเซ็กซิสต์ในสังคมสแปนิชได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วย
มงกุฎแชมป์โลกฟุตบอลหญิง 2023 ที่ตกเป็นของสเปนครั้งแรกในประวัติศาสตร์ คือหนึ่งในความภาคภูมิใจสูงสุดของประเทศ เดอะซันบอกอย่างนั้น พร้อมนำเสนอประเด็นสำคัญว่า อย่างไรก็ตาม “จูบอัปยศ” ที่ประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปนถือวิสาสะ กดไปบนสองเรียวปากของ เจนนิเฟอร์ เอร์โมโซ กองหน้าตัวเก่งผู้เป็นสุดเลิฟคนหนึ่งของชาวสแปนิช จูบนั้นได้สร้างความโกรธเกรี้ยวไปทั่วทุกหลืบมุมสังคม
บรรยายภาพคลิป
พินิจพิจารณากันให้กระจ่างจากคลิปว่า จูบอัปยศของประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปนนั้น ดูกี่ครั้ง ก็ยังชัดเจนว่าคือลวนลามปล้ำจูบ
ทั้งนี้ สังคมสแปนิชได้พัฒนาความก้าวหน้าด้านสิทธิสตรีและความเสมอภาคเท่าเทียมหญิง-ชายจนกระทั่งว่า สเปนเป็นอันดับท็อปของยุโรป และบันดาลใจให้ผู้หญิงและแนวร่วมสตรีหลายพันรายพากันลงถนนไปประท้วงพฤติกรรมล่วงเกินทางเพศต่อวีรสตรีของชาติ
มีการเช็คบิลเอากับปัญหาการรังแกเอาเปรียบสตรีเพศ ตลอดจนความไม่เท่าเทียมต่างๆ กันอย่างมหาศาลในห้วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา เดอะซันรายงาน โดยมีการเดินขบวนต่อต้านการใช้ความรุนแรงทางเพศกันมากมาย และที่สำคัญสุดๆ คือ มีการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องจนชาติอื่นได้แต่อิจฉา อาทิ ในด้านค่าจ้างที่เท่าเทียมกัน ไปจนถึงสิทธิที่จะสวมชุดว่ายน้ำวันพีซ-ชิ้นล่างเท่านั้น- ขณะเข้าใช้สระว่ายน้ำของภาครัฐ และสิทธิทำแท้งเสรี
นี่คือคลื่นลูกที่ 4 แห่งการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีในสเปน มุกตลกจำพวกว่าชายหนุ่มตบตีแฟนสาว หรือสามีทำร้ายร่างกายภรรยาซึ่งฉายทางโทรทัศน์ ถูกเล่นงานกระทั่งกลายเป็นอะไรที่ท่านผู้ชมไม่ยอมรับกันแล้ว ระบบผู้ชายเป็นใหญ่ต้องถอยร่นให้แก่กระแสสังคมยุคใหม่ ซึ่งได้รับการหนุนเนื่องด้วยตัวบทกฎหมาย แบบว่าผู้หญิงสามารถฟ้องร้องดำเนินคดี เอาผู้ชายใจร้ายคอยแต่จะรังแกกัน ให้ต้องติดคุกติดตะรางเลยทีเดียว
ในท่ามกลางวัฒนธรรมที่พัฒนาขึ้นมาอย่างให้เกียรติสตรี และช่วยกันดูแลความปลอดภัยของผู้หญิงในหลากหลายภาคส่วนสังคม พัฒนาการเหล่านี้ปรากฏในวงการฟุตบอลสเปนน้อยอย่างยิ่ง แม้จะมีความพยายามจะต่อสู้ แต่ที่ผ่านมาความสำเร็จยังไม่ค่อยจะเกิดขึ้น
จนกระทั่งเมื่อทีมชาติแข้งสาวสามารถสร้างผลงานสุดยอดเกียรติยศให้แก่ประเทศชาติ โอกาสแห่งการเปลี่ยนแปลงโค่นล้มประเพณีเซ็กซิสต์ร้ายกาจทั้งหลายในแวดวงฟุตบอล จึงเปิดกว้างขึ้น
ในวันแห่งชัยชนะ ลูอีส รูบิอาเลส ประธานสหพันธ์ฯ แสดงพฤติกรรมฉวยโอกาส กอดแนบแน่น โอบเอวกระชับ ฝังจูบลงริมใบหู ข้างแก้มของนักเตะสตรี แล้วไปอัปยศขั้นสุดด้วยสิ่งที่อ้างกันว่า จูบฉลองชัย บนริมฝีปากของแข้งสาว เอร์โมโซ พี่เอื้อยสาวหล่อวัย 33 กะรัตของทีมชาติหญิง
และเมื่อประเด็นนี้อื้อฉาวขึ้นมา เมื่อแข้งสาวเอร์โมโซ กองหน้าหมายเลข 10 ทำการพิจารณาทบทวนแล้ว และจึงตัดสินใจปกป้องเกียรติยศตนเองจากการถูกลวนลามและทำร้ายทางเพศ
เมื่อเธอเคลื่อน ภาคส่วนต่างๆ ของสังคมก็พากันขับเคลื่อนหนุนเนื่องเธอ และช่วยกันแสดงออกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การช่วยกันติดแฮชแท็ก #SeAcabo “มันหมดยุคแล้ว” ... หมดยุคสำหรับการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้หญิง
คลิปฟ้องชัดเจน ดูยังไงก็ลวนลามปล้ำจูบ หนำซ้ำยังให้เห็น เอร์โมโซ กระทืบเท้าประท้วงขณะถูกล็อกคอล็อกศีรษะ
ในท่ามกลางเสียงเชียร์ของชาวสแปนิชจำนวนมหาศาลที่แห่กันขึ้นเครื่องบิน เดินทางยี่สิบกว่าชั่วโมงไปเชียร์ทีมชาติสตรีที่สุดรักสุดภูมิใจในนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย เหล่าแข้งสาวแชมป์ฟุตบอลโลก 2023 ทยอยเดินขึ้นปะรำพิธีไปให้สมเด็จพระราชินีเลติเซียโอบกอดแสดงความยินดี และใกล้ๆ กัน คือ รูบิอาเลส ประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปน ซึ่งอยู่บนนั้นในฐานะ รองประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) และรอแสดงความยินดีกับนักฟุตบอลหญิงผู้เกรียงไกรของชาติ
คลิปบรรยากาศที่บรรดาแข้งสาวทยอยกันเข้ารับการแสดงความยินดี ฟ้องไว้อย่างละเอียดถึงนาทีอัปยศแห่งชีวิตของ เอร์โมโซ
เมื่อเอร์โมโซเข้าไป รูบิอาเลสเล่นทะเล้นคะนองใส่เธอ โดยยกสองแขนกอดรอบคอและหลังไหล่ของเอร์โมโซ แล้วเหนี่ยวกายของเธอไว้เพื่อยกตัวลอยขึ้น และกางขาออกไป โดยเดอะซันรายงานว่า
“เห็นได้ว่ารูบิอาเลสโหนตัว ยกลอยขึ้นจากพื้น แล้วสองหัวเข่าก็เหวี่ยงกระชับเข้าใกล้สะโพกของเอร์โมโซ”
ในวินาทีถัดมาที่รูบิอาเลสลงมายืนดีแล้ว ความคะนองมิได้ยุติ แต่ดูว่าจะจะยกระดับจากการเล่นแบบเด็กผู้ชาย กลายเป็นเป็นหนุ่มดอนฮวน
แขนทั้งสองที่ยังกอดรอบคอและหลังไหล่ของเอร์โมโซ กระชับมากขึ้นและรั้งให้กายของเอร์โมโชแนบแน่นกับแผงอกท่านประธาน ขณะที่ใบหน้าและใบหูด้านขวาของเธอถูกล็อกไว้กับข้างแก้มขวาของเขา
ณ วินาทีตรงนั้น ประธานสหพันธ์ฯ ได้ก้มหน้าลงไปจูบริมหู ข้างแก้มเนียนลออ ขณะที่เอร์โมโซซึ่งไม่สามารถขยับกายช่วงบนผละออกมา ได้ออกอาการอึดอัดประท้วงด้วยการกระทืบเท้าขวา
แต่เหตุการณ์มิได้จบ หนำซ้ำยังทวีความย่ามใจและอัปยศหนักข้อขึ้นอีก
รูบิอาเลสป้องสองมือล็อกศีรษะของเอร์โมโซอย่างมั่นคง และจูบไปบนสองเรียวปากของเอร์โมโซ เดอะซันเล่าไว้อย่างนั้น
ภาพเหตุการณ์หลายสิบวินาทีดังกล่าวถูกบันทึกอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเหล่าแข้งสาว ลาโรฆา (La Roja – สาวเสื้อแดง) หลายคน ซึ่งใส่ใจที่จะบันทึกโมงยามแห่งเกียรติยศและการเฉลิมฉลองชัยชนะให้แก่เพื่อนร่วมทีม แต่ได้หลักฐานแสดงความเซ็กซิสต์อัปยศของประธานสหพันธ์ฯ ติดมาด้วย
รายละเอียดของภาพในคลิป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2-3 วินาทีที่ รูบิอาเลส ล็อกศีรษะและหลังไหล่ของสาวหล่อเอร์โมโซ แล้วซุกหน้าลงจูบริมใบหู ข้างแก้ม ดูกี่ครั้งก็เห็นได้ว่าลวนลามปล้ำจูบ และในจังหวะเดียวกันนั้น การที่เอร์โมโซกระทืบเท้าประท้วง ก็แสดงชัดว่าเธอเคืองหนักมาก
ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่ประธานสหพันธ์ฯ ได้กดจูบไปบนเรียวปากของพี่เอื้อยแห่งทีมลาโรฆาสมใจแล้ว และคลายวงแขนให้เธอเป็นอิสระนั้น สาวหล่อวีรสตรีขวัญใจชาวสเปนรับมือสถานการณ์ถูกหยามเกียรติตรงนั้นด้วยท่าทีของนักบู๊ เธอตบแขนรูบิอาเลสเบาๆ แบบเจ้าพ่อ และหัวเราะกร้าว ก่อนจะเดินผละไปโดยแขนกับร่างกายกางเล็กน้อยและวางก้ามในลีลานักสู้ข่มขวัญคู่ชก
ท่านผู้ชมไม่ได้เห็นสีหน้าของเอร์โมโซ แต่ผู้ที่ได้เห็นเต็มๆ คือท่านประธานสหพันธ์ฯ เขาหัวเราะปร่าแปร่งอย่างไร้ความสง่า และเป็นหัวเราะหน้าเสียนานทีเดียว อาการละม้ายรู้สึกกลัวความผิดที่ได้ทำลงไป
คลิปต่างๆ บนโทรศัพท์มือถือถูกนำมาดูกันในห้องแต่งตัว หลายคนหัวเราะ หลายคนกรี๊ดว่าพี่เอื้อยรูปหล่อโดนเข้าแล้ว
แต่เอร์โมโซโวยว่า “ชั้นไม่ชอบนะ(เว่ย)” เดอะซันเล่าไว้
เสียงแห่งการปกป้องคุ้มครองผู้หญิงลงดาบใส่เซ็กซิสต์ตัวรังแกเหล่าแข้งสาว “รูบิอาเลส” โดนอัยการสูงสุดตั้งข้อหาแล้ว
คลิปว่อนออกไปกระหึ่มโลก ชาวสเปนช่วยกันโกรธไปด้วยกันกับ เจนนิ เอร์โมโซ และประสานเสียงประกาศสนับสนุนเธอ พร้อมกับกดดันให้รูบิอาเลสลาออกจากตำแหน่งประธานสหพันธ์ฯ พลังต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศผ่านกรณี Kiss-Gate จึงครึกโครม ไม่ถูกปล่อยให้โรยราไปง่ายๆ โดยบรรดานักวิเคราะห์พากันเรียกวิกฤติสังคมครั้งนี้ว่า เป็นขบวนการ #MeToo ของสเปน
ทั้งนี้ ภาคส่วนทั้งหลายสามารถวิเคราะห์ภาพในคลิปได้ไม่ยากว่า ชายผู้สุดแสนจะอัปยศคนนี้ทำผิดจริง พร้อมนี้องคาพยพต่างๆ ในวงการฟุตบอลไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็เข้าร่วมกับกระแสสังคม ออกมาประณามประธานสหพันธ์ฯ และส่งเสียงเรียกร้องกดดันให้ รูบิอาเลส ลาออกจากตำแหน่งอันแสนจะทรงอิทธิพล
อย่างไรก็ตาม ประธานสหพันธ์ฯ จิตแข็ง ดื้อดึง ไม่ยอมรับความผิด และไม่ยอมลาออก แต่พยายามจะดิ้นให้หลุดพ้นวิกฤติ โดยกล่าวโทษว่าแข้งสาวเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด รวมทั้งบิดข้อเท็จจริงว่า เอร์โมโซเข้าถึงเนื้อถึงตัวเขาก่อนด้วยการอุ้มเขาลอยจากพื้น แต่บุญรักษาที่ชาวคณะลาโรฆามีคลิปแฉข้อเท็จจริงในพินิจพิจารณาได้หลายมุมกล้อง
ยิ่งรูบิอาเลสพูดจาดิ้นรนหนีความผิดมาก ภาพลักษณ์ของเขาก็ยิ่งเน่าหนัก และแล้ว ลูอีส รูบิอาเอส ก็ “ถูกเท”
26 สิงหาคม 2023 สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า สั่งพักงาน ลูอีส รูบิอาเลส ประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปน เป็นการชั่วคราว 90 วัน ซึ่งส่งผลให้เขาหมดเขี้ยวเล็บที่จะใช้สหพันธ์ฟุตบอลสเปนเป็นเครื่องมือป้องกันตนเอง
การเทด้วยวิธีนี้เปิดทางให้สหพันธ์ฯ เป็นอิสระจากการที่ถูกรูบิอาเลสครอบงำจนกระทั่งภาพลักษณ์ของสถาบันเสียหาย และเพียงสองวันให้หลัง คือในวันที่ 28 สิงหาคม สหพันธ์ฯ ภายใต้การนำของ เปโดร โรชา รองประธานสหพันธ์ฯ ซึ่งขึ้นมาเป็นรักษาการประธานสหพันธ์ฯ เริ่มเรียกร้องให้รูบิอาเลสลาออกจากตำแหน่ง
โดยในคำแถลงที่ออกมา สหพันธ์ฯ ให้เหตุผลอันตรงไปตรงมาสุดๆ ว่า ขอให้ลาออกไปเสีย เพราะสิ่งที่กระทำต่อเจนนี เอร์โมโซ “เป็นพฤติกรรมที่ไม่อาจยอมรับได้ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ภาพลักษณ์แห่งฟุตบอลสเปน”
กระนั้นก็ตาม รูบิอาเลสก็ยังไม่ยอมลาออกจากหัวโขนประธานสหพันธ์ฯ แรงกดดันให้ลาออกจึงยิ่งดาหน้ากันออกมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของอัยการสูงสุดของสเปน ซึ่งซีเอ็นเอ็นรายงานว่าได้มีการตั้งข้อหา รูบิอาเลส แล้ว ในวันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2023 โดยเป็นข้อหาการกระทำความผิดทางอาญาต่อ เจนนิเฟอร์ เอร์โมโซ ซึ่งครอบคลุมถึงการก้าวร้าวรุกรานทางเพศ หลังจากที่แถลงไว้เมื่อ 28 สิงหาคม ว่าได้เปิดการสอบสวนเบื้องต้น และยิ่งเมื่อ เอร์โมโซ ยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีไปในวันที่ 5 กันยายน การดำเนินการในส่วนของอัยการสูงสุดจึงคืบหน้าได้รวดเร็วมากขึ้น
ถือเป็นจังหวะดีที่จะเคลียร์อิทธิพลเซ็กซิสต์ในวงการฟุตบอลทีมสเปนหญิง “ฆอร์เก บิลดา” ถูกปลดเซ่นเซ็กซิสต์
สังคมสเปนซึ่งถูกกดไว้ภายใต้วัฒนธรรมประเพณีเหยียดเพศมาแต่เก่าก่อน ได้ระเบิดระเบ้อออกมาสร้างความเปลี่ยนแปลงภายในภาคส่วนต่างๆ ของสังคม ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้นักเคลื่อนไหวสิทธิสตรีและแนวร่วมทั้งปวงจึงฉวยเอาวิกฤติการณ์ Kiss-Gate เป็นจังหวะสำคัญที่จะลบล้างวัฒนธรรมเซ็กซิสต์ในวงการฟุตบอล นิวยอร์กไทมส์รายงานโดยระบุถึงปัญหาที่นักเตะหญิงถูกเอาเปรียบและรังแก ตลอดจนปัญหาวัฒนธรรมเล่นพวกพ้อง ชมชอบผูกพันอยู่ภายในแวดวงเดียวกัน แล้วไปรังเกียจพวกที่อยู่นอกวงหรือพวกที่ไม่ยอมทำตามคำบงการ
ที่ผ่านมารูปธรรมของปัญหาปรากฏเป็นระยะๆ โดยที่กรณีอื้ออึงไปทั่วโลกได้อุบัติขึ้นในปลายกันยายนปีที่แล้ว (2022) เมื่อแข้งสาว 15 คนประกาศไม่ยอมทน และลุกขึ้นก่อกบฏ เนื่องจากความไม่พอใจต่างๆ ที่สั่งสมมานานปี
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่เสมอภาคเท่าเทียมกับผู้เล่นชาย ไปจนถึงเรื่องต่างๆ ที่พวกเธอมองว่าเข้มงวดรุนแรงเกินไปและมุ่งควบคุมบงการกันเกินเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิบัติอันเวอร์วังของ ฆอร์เก บิลดา โค้ชทีมชาติหญิงในขณะนั้น โดยรวมไปถึงเรื่องที่ว่าเขารื้อค้นข้าวของส่วนตัวของสาวนักเตะ ตลอดจนวัฒนธรรมเหยียดเพศที่ยากจะยอมให้ดำเนินอยู่เรื่อยๆ ไปนิวยอร์กไทมส์รายงาน
วิกฤติฉาวดังกล่าวจบลงเมื่อสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งสเปนซึ่งมีประธานชื่อ ลูอีส รูบิอาเลส เดินนโยบายหักดิบเด็ดขาด ไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กบฏแข้งสาว ดังนั้น จึงมีนักฟุตบอลฝีเท้ายอดเยี่ยม 13 รายพ้นออกจากทีมไป และต้องพลาดการแข่งขันเวิลด์คัพทีมสตรีครั้งนี้
กระนั้นก็ตาม โลลา กายาร์โด ผู้รักษาประตูยอดมือกาวแห่งสโมสรอัตเลติโกเดมาดริด ซึ่งเป็น 1 ใน 15 ผู้เล่นทีมชาติไม่ยอมทนสภาพการณ์เซ็กซิสต์ ให้สัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์ เอล ปาอีซ เมื่อวันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม ว่า ถึงแม้จะเจ็บปวดที่ต้องพลาดโอกาสไปสู่เกียรติยศสูงล้ำของอาชีพนักฟุตบอล แต่มันก็คุ้มค่า
“ความรู้สึกนึกคิดต้องมาก่อนเหรียญรางวัลค่ะ” โลลา กายาร์โด ยืนยันไว้อย่างนั้น
การต่อสู้กับสถานการณ์เซ็กซิสต์ที่ต่อยอดจากคดี Kiss-Gate อัปยศ เดินหน้าอย่างคึกคัก ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติสเปนทั้งทีมตลอดจนผู้เล่นคนอื่นๆ อีกหลายสิบคน ได้ลงนามในคำแถลงร่วมฉบับหนึ่งเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม อันมีสาระสำคัญว่า พวกเธอจะไม่ลงสนามแข่งขันในนามสเปนอีก “ถ้าหากคณะผู้จัดการชุดปัจจุบันยังอยู่ต่อไป”
ในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม สตาฟโค้ชของทีมบางส่วนได้ยื่นใบลาออก โดยกล่าวประณามถ้อยคำโต้ตอบที่ รูบิอาเลส ใช้แก้ตัวในเหตุการณ์น่าเกลียดทำร้ายทางเพศต่อแข้งสาวดาวเด่นแห่ง ลาโรฆา
พร้อมนี้ สตาฟโค้ชหญิง 2 คนที่ลงนามในจดหมายลาออกดังกล่าว เผยถึงเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม ซึ่งประธานสหพันธ์ฯ ประกาศจะไม่ยอมลาออก ว่า การที่พวกเธอนั่งในแถวหน้าของที่ประชุมนั้น ที่แท้แล้วเป็นการถูกสั่งให้ไปนั่งอยู่ตรงนั้น เพื่อแสดงความสนับสนุน รูบิอาเลส อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมิได้บอกว่าถูกใครบังคับ
บรรดานักเตะเหล่านี้บอกว่าจะต้องยุติยุคสมัยแห่งการเชิดชูศักดิ์ศรีบุรุษเพศ ย่ำยีสิทธิสตรี และความไม่เท่าเทียมในวงการฟุตบอลสเปนให้หมดสิ้นไป โดยจะเอาเหตุการณ์จูบอัปยศของ รูบิอาเลส นี่แหละเป็นจุดปิดฉาก
“มันจบได้แล้วค่ะ” อเลเซีย ปูเตยาซ ผู้เล่นตัวเก่งระดับซุปตาร์ ทวิตไว้บนแอคเคาน์ X หรือที่เคยเป็นที่รู้จักกันมาก่อนในชื่อว่าทวิตเตอร์ เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ เอร์โมโซ
ณ แมตช์ลีกสเปนที่เซบิยาเมื่อคืนอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม ผู้เล่นทีมเหย้าเดินเข้าสนามโดยสวมเสื้อที่เขียนข้อความว่า “มันจบแล้ว” ปรากฏว่าฝูงชนโห่ร้องอึงคนึงแบบเห็นด้วย พร้อมกับตะโกนเรียกร้องให้ รูบิอาเลส ลาออก และให้สหพันธ์ฯ เข้าไปชำระสะสางการทุจริตคอร์รัปชั่นให้สะอาดหมดจดเสียที
อย่างรวดเร็วเกินคาด ฆอร์เก บิลดา หัวหน้าโค้ชทีมฟุตบอลหญิงสเปนชุดแชมป์โลก ถูกสหพันธ์ฯ สั่งปลด ณ วันที่ 5 กันยายน 2023 อันเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญโดย เปโดร โรชา รักษาการประธานสหพันธ์ฯ
ในการนี้ ฝ่ายต่างๆ ชี้ว่าสาเหตุของกรณีฟ้าผ่าเก้าอี้จอมอิทธิพลนี้ มาจากการที่ฆอร์เก บิลดา เป็นคนสนิทใกล้ชิดกับ รูบิอาเลส แต่ในเวลาเดียวกัน เมื่อ ฆอร์เก บิลดา พ้นออกไป โดยมี มอนเซ่ โตเม อดีตแข้งสาวที่เข้าร่วมในทีมสตาฟโค้ช ปฏิบัติหน้าที่แทน สถานการณ์เหยียดเพศ การใช้ความรุนแรง และความไม่เท่าเทียมหญิง-ชาย ที่บรรดานักเตะทีมหญิงเผชิญอยู่ ก็จะได้รับโอกาสที่จะปฏิรูป
‘จูบอัปยศ’ เกิดในวงการฟุตบอล แต่ ‘ศึกเซ็กซิสต์ปะทะกระแสสิทธิสตรี’ ได้ฮือฮาครั้งใหญ่ในทุกภาคส่วนสังคม โดยมีรัฐบาลหัวก้าวหน้าช่วยหนุนส่ง
เลารา มาร์เกซ ทนายความสาววัย 26 กะรัต ไม่เคยสนใจอะไรนักหนาเกี่ยวกับเรื่องฟุตบอลมาก่อน ตอนที่แข้งสาวลาโรฆา คว้าแชมป์คว้าถ้วยเวิลด์คัพได้สำเร็จเมื่อ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา เธอไม่ได้ดูด้วยซ้ำ
แต่!! เมื่อเป็นข่าวอื้อฉาวล่วงละเมิดทางเพศกระหึ่มขึ้นพร้อมกับกระแสการโต้แย้งถกเถียงกันไปกว้างขวางจนขึ้นถึงระดับชาติอย่างมโหฬารในเรื่องสิทธิสตรี ความเสมอภาคเท่าเทียม และการล่วงละเมิด เลารา มาร์เกซ ก็กลายเป็นชาวสเปนอีกคนที่เฝ้าครุ่นคิดและติดตามความคืบหน้าของดรามาแห่งชาติรายการนี้ นิวยอร์กไทมส์รายงาน
“พวกเรามีการพูดคุยกันเกี่ยวกับฟุตบอลเยอะแยะมากมายเลยในอาทิตย์นี้” มาร์เกซ ทนายสาว คุยกับผู้สื่อข่าวขณะเดินอยู่กับเพื่อนในย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองซาราโกซา
เธอมองกรณีประธานสหพันธ์ฯ ถือวิสาสะจูบแข้งสาวคนดังโดยที่ฝ่ายหญิงไม่ยินยอม ว่าเป็นการแสดงพฤติการณ์ก้าวร้าว ล่วงละเมิดตามใจชอบ ต่อผู้หญิง ซึ่งเรื่องแบบนี้ ในภาพรวมของสังคมสเปน เกิดขึ้นมาบ่อยครั้งเกินไปแล้ว เธอบอกอย่างนั้น
ทนายสาวมาร์เกซชี้ด้วยว่ามันเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบของบุคคลผู้ทรงอำนาจคนหนึ่ง และเป็นการสร้างความแปดเปื้อนแก่นาทีเกียรติยศของผู้หญิงไปอย่างน่าละอาย โดยกระทำภายใต้ความเชื่อแบบเซ็กซิสต์ที่เชิดชูให้ผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง และเชื่อกันจริงๆ ว่าตนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ จะทำอะไรกับผู้หญิงได้หมดตามใจปรารถนา แม้วัฒนธรรมความเชื่อนี้หดหายไปมากแล้ว กระนั้นก็ตาม มันยังปักหลักเหนียวแน่นอยู่ในหมู่คนบางแวดวง
“ทุกสิ่งอย่างที่ปรากฏออกมา มันฟ้องและยืนยันว่าเรื่องราวที่บรรดานักฟุตบอลหญิงร้องทุกข์กันมานานแล้ว แต่ไม่มีใครเลยที่เชื่อนั้น มันเข้าขั้นร้ายแรงไปถึงขนาดนี้แล้ว” เธอกล่าวแล้วย้ำถึงพลังที่ Kiss-Gate จุดชนวนให้ผู้หญิงไม่ยอมทนอีกต่อไป และการต่อสู้ระหว่างฝ่ายที่เชื่อว่าผู้ชายเป็นใหญ่ กับฝ่ายที่ขับเคลื่อนให้สังคมยอมรับในสิทธิสตรี จึงมาถึงวาระที่ปะทุขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ดรามาแห่งชาติกรณี Kiss-Gate จึงทำหน้าที่โหมกระแสให้สังคมมองเห็นและเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้นกับปัญหาการประลองกำลังและงัดข้อทางความคิดและศีลธรรม ในระหว่างคนต่างรุ่นอายุและต่างวัฒนธรรม อีกทั้งในระหว่างมิติที่เป็นประเพณีฝังลึกซึ่งเชิดชูศักดิ์ศรีบุรุษเพศว่าเหนือกว่าสตรี จะล่วงเกินสตรีอย่างไรก็ได้ กับมิติของแนวความคิดก้าวหน้าในเรื่องสิทธิสตรีและความเสมอภาคเท่าเทียมหญิง-ชาย นิวยอร์กไทมส์รายงาน พร้อมให้ข้อมูลด้วยว่า
ในช่วงหลังๆ นี้ การประลองกำลังดังกล่าวได้แพร่กระจายไปในวงกว้างยิ่งกว่าทศวรรษใดๆ พร้อมกับโยกคลอนความเชื่อเดิมๆ ที่เกาะกุมความคิดจิตใจของชาวสเปนไว้อย่างลึกซึ้ง จนกระทั่งวิกฤติดังกล่าวนี้ส่งผลให้สเปนโดดเด่นเกินชาติอื่นใดในศึกวัฒนธรรมเซ็กซิสต์โดยภาพรวมของยุโรป
ต้องนับว่าวิกฤติ Kiss-Gate ฝีมือ รูบิอาเลส ผุดขึ้นถูกที่ถูกเวลาโดยแท้ เพราะสเปนเพิ่งมีการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น ต่อด้วยเลือกตั้งทั่วไปในระดับชาติเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ผลการใช้สิทธิทางการเมืองสะท้อนชัดเจนว่า ประชาชนปฏิเสธการเมืองแนวขวาจัด คลั่งชาติ หมกมุ่นแต่จะย้อนอดีตที่เชิดชูให้ผู้ชายเป็นใหญ่และริดรอนสิทธิของเพศหญิงตลอดจนเพศที่สามทั้งปวง
ด้วยบริบททางการเมืองที่ยังค่อนข้างสดใหม่เยี่ยงนี้ ทำให้พวกชนชั้นปกครองของสเปนกล้าตัดสินใจ “เลือกข้าง” ในกรณีถือวิสาสะล่วงละเมิดแข้งสาวดาวเด่นของมวลมหาประชาชนกันอย่างฉะฉาน
เหล่านักการเมืองชั้นนำทั้งทางฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา อีกทั้งบรรดาบุคคลทางวัฒนธรรมระดับท็อปของประเทศ รวมทั้งกระทั่งสารพัดปากเสียงในวงการฟุตบอลสเปนซึ่งรักษาวัฒนธรรมผู้ชายเป็นใหญ่ไว้แข็งแกร่งอย่างยิ่งยิ่ง ต่างระดมกันมาแสดงความสนับสนุน เอร์โมโซ ฮีโรของประชาชน ผู้ซึ่งออกมากล่าวว่า เธอรู้สึกเหมือนกับตนเองตกเป็น “เหยื่อของความก้าวร้าวล่วงละเมิด” จากพฤติการณ์เหยียดเพศที่เธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจแม้แต่วินาทีเดียว นิวยอร์กไทมส์รายงาน
การประสานเสียงกันประณาม รูบิอาเลส จึงกระหึ่มกึกก้องไม่โรยแรง ขณะที่เจ้าตัวก็แถสุดฤทธิ์ พยายามต่อสู้ด้วยการสร้างข้อกล่าวหาโต้กลับไปว่า ตัวเขาเผชิญอยู่กับ “การเรียกร้องสิทธิสตรีจอมปลอม” รวมทั้งเรียกตนเองว่า “เหยื่อแห่งฆาตกรรมทางสังคม” และกล่าวหาหน้าตายว่า เอร์โมโซ แหละเป็นฝ่ายริเริ่มให้เกิดการจูบกันครั้งนี้
จูบอัปยศของ “รูบิอาเลส” จะเร่งให้สิทธิสตรีก้าวหน้ามากขึ้นไปอีก “จากที่ได้พัฒนามามหาศาลแล้ว”
ด้าน มาเรียม มาร์ติเนซ-บาซกูญัน อาจารย์รัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอิสระแห่งมาดริด ชี้ประเด็นว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการฉลองแชมป์บอลโลกหญิง ควรต้องถือเป็นช่วงเวลาแห่งยุคสมัย ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องอย่างสำคัญติดตามมา”
การที่ฝ่ายต่างๆ ช่วยกันประณาม รูบิอาเลส ในทันที แบบว่า กระทั่งเหล่าสมาชิกของพรรคอนุรักษนิยมพรรคหลักของสเปนก็เอาด้วย เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า ขบวนการเรียกร้องสิทธิสตรีของประเทศสเปนได้เดินหน้ากันมาไกลถึงขนาดไหนแล้ว อาจารย์กล่าวอย่างนั้น
อาจารย์มาร์ติเนซ-บาซกูญัน ย้ำด้วยว่าในห้วง 20 ปีที่ผ่านมานี้ สเปนคือประเทศที่บุกเบิกในด้านการออกกฎหมายส่งเสริมสิทธิเสมอภาคทางเพศและความเท่าเทียมระหว่างเพศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปี 2004 สเปนรับรองว่าการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว เป็นความรุนแรงที่นำมาดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศได้ และในปี 2022 หลังกรณีแก๊งอาชญากรรุมข่มขืนผู้หญิง รัฐบาลก็ได้ตรากฎหมายที่ถือว่าเซ็กส์ทุกอย่างที่ฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมพร้อมใจ คือ การข่มขืน
ปฏิกิริยาสังคมที่เล่นงาน จูบความอัปยศ หนนี้ อาจารย์ฟันธงเลยว่า มันแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มปัจจุบันที่สเปนไม่มีเจตนารมณ์จะถอยหลังกลับในเรื่องสิทธิสตรีและความเท่าเทียมหญิง-ชาย
พร้อมนี้ อาจารย์ได้จุดประกายให้ตระหนักว่าเหตุการณ์จูบอัปยศกลายเป็น “โอกาสสุดยอดเยี่ยม” สำหรับนักเคลื่อนไหวสิทธิสตรีและฝ่ายก้าวหน้าทั้งปวงของสเปนในอันที่จะเปิดโปงและเปลี่ยนแปลงลัทธิเหยียดเพศในทุกพื้นที่สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายในบรรดาสถาบันที่เพศชายครอบงำมาอย่างเหนียวแน่นยาวนานที่สุด
อาจารย์บอกด้วยว่าความแตกต่างทางความคิดระหว่างคนต่างเจเนอเรชัน และความแตกต่างในการมองประเด็นเพศหญิงเพศชายนั้น มันมีเส้นแบ่งความผิด-ถูกให้พอเห็นได้ และขอบอกว่าคนสเปนส่วนใหญ่เข้าใจได้อยู่แล้ว ทำไมจูบอัปยศของ รูบิอาเลส จึงเข้าข่ายไม่เหมาะสม ส่วนผู้ที่ไม่เข้าใจ “ก็ไม่ได้เป็นชนส่วนใหญ่แต่อย่างใด”
ฝ่ายอนุรักษนิยมร่วมใจกับฝ่ายก้าวหน้าถล่มประณาม “รูบิอาเลส” ล่วงละเมิดสตรี
สิ่งที่อาจารย์มาร์ติเนซ-บาซกูญัน ชี้ไว้ ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เสียงประณามการจูบลวนลามซึ่งปรากฏในคลิปและภาพถ่ายที่แพร่กระจายอยู่ตามโซเชียลมีเดียของสเปน ตลอดจนตามหน้าหนังสือพิมพ์และจอโทรทัศน์ทั่วประเทศ ออกมาจากแทบทุกฝ่ายทั่วทุกแวดวงทางการเมือง
รักษาการนายกฯ เปโดร ซานเชส ผู้นำพรรคสังคมนิยม ได้เสี่ยงทุ่มเดิมพันครั้งใหญ่และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยนำเอาประวัติแห่งการต่อสู้สนับสนุนแนวทางก้าวหน้าและสิทธิสตรีของตนเอง มาเป็นประเด็นหลักในการหาเสียงสู้ศึกเลือกตั้งที่ผ่านมา
นายกฯ ซานเชสจึงเล่นงานดุเดือดผ่านคำแถลงว่า กรณีจูบล่วงละเมิดสตรีนี้ เป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้” และแม้ว่า รูบิอาเลส ออกมากล่าวขอโทษในภายหลัง ก็ยัง “ไม่เพียงพอ”
อีเรเน มอนเตโร ในฐานะเจ้าภาพดูแลสิทธิสตรี ตามหัวโขนแห่งรักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความเสมอภาคเท่าเทียม ฟันธงตรงๆ เลยว่า การจูบอื้อฉาวนี้เป็น “การใช้ความรุนแรงในทางเพศ” คำแถลงของเธอทำให้ รูบิอาเลส เดือดดาลถึงกับข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทเอากับเธอและพวกนักการเมืองฝ่ายซ้ายคนอื่นๆ
ปฏิกิริยาในค่ายอนุรักษนิยมก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
กูกา กามาร์รา เลขาธิการพรรคประชาชนเจ้าของแนวทางอนุรักษนิยม พูดถึงคดีจูบนี้ว่า “น่าละอาย”
อิซาเบล ดิอัซ อายูโซ ประธานแคว้นมาดริด ผู้ได้รับการจับตามองอย่างกว้างขวางว่ามีโอกาสสูงที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีจากฝ่ายอนุรักษนิยม เรียกมันว่า “น่าอัปยศ”
บทบรรณาธิการที่ตีพิมพ์เมื่อวันเสาร์ (26 ส.ค.) ใน ลา ราซอน หนังสือพิมพ์แนวทางอนุรักษนิยม พูดถึงเหตุการณ์อันน่าเกลียดนี้ว่า เป็น “การปรากฏตัวของอสูรกายแห่งชาติ”
ส่วนสำหรับพรรคฝ่ายขวาจัด นามว่า พรรคว็อกซ์ ซึ่งพ่ายแพ้หนักหนาในการเลือกตั้งภายหลังรณรงค์หาเสียงโดยวาดภาพกฎหมายต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศ ว่าเป็นกฎหมายซึ่งมีอคติต่อผู้ชาย เดินนโยบายปิดวาจา
โลลา อินดิโก ซุปตาร์สาวเฟียสแห่งวงการดนตรี และนักสิทธิสตรีตัวแม่ ได้เข้าร่วมกับกระแสต่อต้านพฤติกรรมเหยียดเพศในวงการฟุตบอล ซุปตาร์โลลาถึงกับหยุดการแสดงคอนเสิร์ตในเมืองมาร์เบยา เพื่อแสดงความโกรธเกรี้ยวต่อพวกผู้ชายที่ลุกขึ้นยืนให้เกียรติแก่ รูบิอาเลส กันอย่างพรึบพรับ หลังจากชายผู้อื้อฉาวนายนี้กล่าวปราศรัยเมื่อวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม นิวยอร์กไทมส์รายงานอย่างนั้น
ขณะที่การประณามติเตียนประธานสหพันธ์ฯ ดำเนินไปอย่างแทบจะเรียกได้ว่าเอกฉันท์ ไม่ว่าจะในแวดวงการเมือง ในพื้นที่สื่อมวลชน หรือในชีวิตสาธารณะทั่วทั้งสเปน แต่ก็มีผู้คนบางส่วนที่ยังตั้งเชื่อว่าผู้ชายเหมาะสมแล้วที่จะเป็นใหญ่กว่าผู้หญิง และจึงรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมิได้เลวร้ายมากมายอะไร
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: นิวยอร์กไทมส์ บีบีซี เดลิเมลออนไลน์ ซีเอ็นเอ็น เอพี)