xs
xsm
sm
md
lg

‘ยูเครน’ อ้างประสบความสำเร็จในหลายแนวรบ ‘รัสเซีย’ โต้ ‘เคียฟล้มเหลว’ เสียทหาร 66,000 ใน 3 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพที่เผยแพร่โดยสำนักงานเหตุฉุกเฉินแห่งรัฐของยูเครนเมื่อวันพุธ (6 ก.ย.) โดยระบุว่าเป็นภาพพนักงานดับเพลิงของยูเครนกำลังปฏิบัติงาน ณ สถานที่เกิดไฟไหม้หนักจากการโจมตีของโดรนรัสเซีย ในแคว้นโอเดสซา ทางภาคใต้ของประเทศ
กองทัพยูเครนแถลงมีความคืบหน้าทั้งในการรุกและการตั้งรับในแนวรบของสงครามกับรัสเซียที่ดำเนินมาได้ 18 เดือนแล้ว ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียปฏิเสธการกลาวอ้างของเคียฟ และยืนยันปฏิบัติการตอบโต้ของยูเครนล้มเหลว สูญเสียทหารกว่า 66,000 นาย และอาวุธหนักกว่า 7,600 รายการในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

ยูเครนเริ่มปฏิบัติการรุกตอบโต้เพื่อชิงดินแดนที่รัสเซียยึดเอาไปมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทว่าต้องดิ้นรนหนักในการฝ่าทะลวงแนวป้องกันอย่างแข็งแรงของรัสเซีย จนเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อตะวันตกหนักขึ้นทุกทีว่าประสบความล้มเหลว รวมทั้งใช้ยุทธวิธีที่ผิดพลาด เป็นต้นว่า แทนที่จะรวมศูนย์กำลังก็กลับพยายามบุกในหลายๆ จุดทั้งทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่แคว้นซาโปริซเซีย เพื่อมุ่งหน้าสู่ทะเลอาซอฟ และทางภาคตะวันออกที่แถวๆ เมืองบัคมุต ในแคว้นโดเนตสก์

สิ่งที่ยูเครนกล่าวอ้างว่าเป็นความสำเร็จของตนคือการเข้าควบคุมหมู่บ้านหรือพื้นที่ขนาดเล็กๆ ทั้งนี้เคียฟอ้างว่า ในแนวรบด้านใต้ หลังจากยึดหมู่บ้านโรโบทีน ในแคว้นซาโปริซเซีย ซึ่งมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์แล้ว ก็ชิงหมู่บ้านคืนได้อีกหลายแห่ง และกำลังพยายามบุกหน้ามุ่งสู่ทะเลอาซอฟ ขณะที่ในแนวรบด้านตะวันออกก็ยึดพื้นที่ใกล้ๆ เมืองบัคมุตได้

อิลยา เยฟลาช โฆษกกองทัพยูเครนภาคตะวันออกให้สัมภาษณ์สถานีทีวีแห่งชาติเมื่อวันอังคาร (5 ก.ย.) ว่า ฝ่ายตนกำลังเดินหน้าโจมตีในเมืองบัคมุต และรุกคืบต่อเนื่องเพื่อมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านคลิชชิฟกา ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการชิงเมืองบัคมุตคืน รวมทั้งยังปักหลักโจมตีทางเหนือใกล้เมืองลีมาน ที่ยูเครนชิงคืนได้เมื่อปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่ากองกำลังรัสเซียสามารถขัดขวางการรุกของยูเครนใกล้หมู่บ้านโนโวยีโฮริฟกา

ขณะเดียวกัน กองเสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพยูเครนรายงานเมื่อค่ำวันอังคารว่า ในแนวรบทางภาคใต้ ฝ่ายตนกำลังพยายามมุ่งหน้าไปเมืองเมลิโตโปล ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ทะเลอาซอฟ เพื่อตัดขาดไม่ให้ฝ่ายรัสเซียสามารถเดินทางข้ามสะพานที่รัสเซียสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมกับไครเมียหลังจากเข้าผนวกเมื่อปี 2014 ถึงแม้พวกผู้สังเกตการณ์ระบุว่าเคียฟยังห่างไกลมากกับการบรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องนี้ก็ตามที

นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นาตาเลีย ฮูเมนิก โฆษกกองกำลังภาคใต้ของยูเครน ได้เปิดเผยกับสถานีทีวีท้องถิ่นว่า รัสเซียกำลังฉวยจังหวะที่ไม่มีฝนมาสร้างเสริมแนวป้องกัน ระดมทหารเพิ่ม และโยกย้ายกำลังพล เนื่องจากตระหนักว่า ยูเครนสามารถโจมตีเส้นทางส่งเสบียงสำคัญ

อย่างไรก็ดี ทางด้าน เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย แถลงในวันอังคาร (5) ยืนยันว่า ปฏิบัติการนึกตอบโต้ของเคียฟล้มเหลว โดยกองทัพยูเครนยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในแนวรบใดๆ แม้เขายอมรับว่า สถานการณ์ตึงเครียดที่สุดยังคงเป็นที่แนวรบทางแคว้นซาโปริซเซีย ซึ่งขณะนี้เคียฟจัดส่งกองทหารชั้นเยี่ยมของตนที่ผ่านการฝึกจากนาโต และสำรองเอาไว้เป็นกองกำลังทางยุทธศาสตร์เข้าสู่สนามรบแล้ว

รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับการขับไล่ผลัดกันการโจมตีของยูเครนในหลายทิศทาง และกล่าวหาว่าทหารยูเครนโจมตีเป้าหมายทางพลเรือนและอ้างว่า เป็นชัยชนะของกองทัพ

ชอยกูอ้างด้วยว่า ในช่วง 3 เดือนของปฏิบัติการตอบโต้ ยูเครนสูญเสียทหารมากกว่า 66,000 นาย และอาวุธหนักกว่า 7,600 รายการ กระนั้น รัฐบาลยูเครนยังเดินหน้าปฏิบัติการดังกล่าวต่อเนื่องจากต้องการโชว์ความสำเร็จบางอย่างให้สปอนเซอร์ตะวันตกเห็น

นอกจากนั้น เยฟเกนี บาลิตสกี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในแคว้นซาโปริซเซียที่ได้รับการแต่งตั้งจากมอสโก ยังให้สัมภาษณ์สถานีทีวีว่า กองทัพรัสเซียถอนจากหมู่บ้านโรโบทีน ด้วยเหตุผลทางยุทธวิธี เนื่องจากเป็นพื้นที่โล่ง ดังนั้น ทหารรัสเซียจึงเคลื่อนพลขึ้นไปอยู่บนเขาแทน

ก่อนหน้านี้รัสเซียไม่เคยยอมรับว่า สูญเสียหมู่บ้านโรโบทีนตามที่ยูเครนประกาศเมื่อวันที่ 28 เดือนที่ผ่านมา แม้แต่ในรายงานสถานการณ์ล่าสุดประจำวันอังคาร กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังระบุเพียงว่า กองกำลังรัสเซียได้ขับไล่การโจมตีของยูเครน 2 ระลอกใกล้ๆ โรโบทีน

ขณะเดียวกัน โอเลคซานดร์ ซีร์สกียี ผู้บัญชาการกองทหารภาคพื้นดินของยูเครน เปิดเผยเมื่อวันพุธ (6 ก.ย.) ว่า สถานการณ์การสู้รบในด้านตะวันออกยังคงยากลำบาก และภารกิจหลักของกองทัพยูเครนคือ การทำให้แน่ใจว่าสามารถปกป้องที่มั่นในทิศทางของคูเปียนสก์และลีมาน รวมทั้งบุกต่อถึงแนวรบที่กำหนดในเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่บัคมุต

ซีร์สกียี เสริมว่า รัสเซียยังไม่ล้มเลิกแผนบุกยึดตลอดทั้งแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, อาร์ที)
กำลังโหลดความคิดเห็น