ยูเครนประสบความสูญเสียอย่างหนักในช่วง 3 เดือนของปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับรัสเซีย แต่มันกลับประสบความล้มเหลว ไม่บรรลุเป้าหมายใดๆ ในแนวหน้า จากคำกล่าวอ้างของ เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย
รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ประเมินในวันอังคาร (5 ก.ย.) ว่า กองทัพเคียฟสูญเสียกำลังพลไปมากกว่า 66,000 นาย และอาวุธหนัก 7,600 ชิ้น นับตั้งแต่เริ่มเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน
แม้ประสบความสูญเสียมหาศาลทั้งในแง่กำลังพลและยุทโธปกรณ์ แต่รัฐบาลยูเครนยังคงต้องเดินหน้าปฏิบัติการนี้ เพราะว่าเคียฟมีความจำเป็นต้องดิ้นรนแสดงให้บรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกได้เห็นว่าพวกเขาประสบความสำเร็จอยู่บ้าง จากคำกล่าวอ้างของ ชอยกู
รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียเผยว่า สถานการณ์ตึงเครียดที่สุดยังคงอยู่ในแคว้นซาโปริซเซีย พื้นที่ซึ่งเคียฟประจำการกำลังพลจากทหารกองหนุนทางยุทธศาสตร์ ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีภายใต้ความช่วยเหลือของพวกครูฝึกตะวันตก
นอกจากนี้ ชอยกูยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับกรณีกองทหารของรัสเซีย สามารถสกัดการโจมตีของยูเครนในหลายทิศทาง ก่อนให้คำจำกัดความปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของเคียฟ ว่า "ล้มเหลว" พร้อมชี้ว่าฝ่ายยูเครนพยายามทำให้ข้อเท็จจริงในสมรภูมิรบแบบคลุมเครือเพื่อกล่าวอ้างชัยชนะ "ทหารยูเครนโจมตีเป้าหมายพลเรือนและอวดอ้างว่าการโจมตีก่อการร้ายเหล่านี้คือชัยชนะทางทหาร"
ความเห็นของรัฐมนตรีกลาโหมรายนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมระหว่างคณะรัฐมนตรีกับบรรดาผู้นำทางทหารของรัสเซีย
คำกล่าวอ้างของ ชอยกู ถือเป็นการอัปเดตข้อมูลล่าสุดจากเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม โดยคราวนั้นทางรัสเซียกล่าวอ้างว่ายูเครนประสบความสูญเสียด้านกำลังพลไป 20,800 นาย และยุทโธปกรณ์ 2,200 ชิ้น
ที่ผ่านมา เคียฟไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความสูญเสียด้านการทหาร แต่เจ้าหน้าที่ยูเครนยอมรับว่าปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของพวกเขามีผลงานออกมาย่ำแย่กว่าที่คาดหมายไว้ และทางกองทัพกำลังชดใช้ราคาแพง
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)