xs
xsm
sm
md
lg

เจาะทะลวงสำเร็จ?? เคียฟอวดความสำเร็จชิงคืน ‘โรโบทีน’ หมู่บ้านยุทธศาสตร์ทางภาคใต้ วาดหวังรุกต่อมุ่งสู่ทะเลดำ ด้าน รมว.กลาโหมยูเครนปัดข่าวจัดซื้อชุดทหารแพงเกินจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพนิ่งถ่ายจากวิดีโอที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมยูเครนเมื่อวันจันทร์ (28 ส.ค.) ซึ่งบรรยายว่า ในภาพนี้เป็นอาคารที่ได้รับความเสียหายหนักในหมู่บ้านโรโบทีน แคว้นซาโปริซเซีย ทางภาคใต้ของยูเครน  ซึ่งฝ่ายเคียฟอ้างว่าสามารถบุกยึดกลับคืนมาได้แล้ว
เคียฟคุยยึดคืนหมู่บ้านยุทธศาสตร์ทางภาคใต้ได้ พวกผู้เชี่ยวชาญตะวันตกอวย เป็นหลักฐานยืนยัน กองทหารยูเครนสามารถฝ่าฟันผ่านแนวต้านของรัสเซียและกำลังเตรียมบุกต่อมุ่งสู่ทะเลดำ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีกลาโหมยูเครนแก้ต่างว่าจัดซื้อเครื่องแบบทหารตามกลไกการประมูลและกฎหมายการจัดซื้อ หลังสื่อท้องถิ่นแฉว่าไปทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทในตุรกีที่เป็นของหลานสมาชิกพรรคเดียวกับเซเลนสกี แถมแพงกว่าราคาที่ซื้อขายปกติ

กองทัพยูเครนเริ่มปฏิบัติการรุกตอบโต้ใหญ่มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังจัดส่งกองทหารหลักๆ ไปรับการฝึกจากพวกชาติสมาชิกนาโต รวมทั้งฝ่ายตะวันตกได้จัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ของนาโตไปให้คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ยังไม่นับความช่วยเหลือทางด้านข่าวกรอง การช่วยสอดแนมด้วยโดรนและดาวเทียม ตลอดจนพวกที่ปรึกษาทางทหาร

ทว่าแม้กระทั่งพวกเจ้าหน้าที่ในเคียฟก็ยอมรับว่า ปฏิบัติการดังกล่าวมีความคืบหน้าช้ามาก ยังห่างไกลจากเป้าหมายที่จะบุกทะลวงแนวป้องกันรัสเซียไปให้ถึงพื้นที่ซึ่งสามารถคุกคามอำนาจควบคุมทะเลอาซอฟและทะเลดำของรัสเซีย โดยวัตถุประสงค์ขั้นต่อไปคือการตัดกองทหารรัสเซียซึ่งอยู่ในภาคใต้ยูเครนให้ขาดจากคาบสมุทรไครเมีย

อย่างไรก็ตาม ในคืนวันจันทร์ (28 ส.ค.) กันนา มัลยาร์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมยูเครนให้สัมภาษณ์ทางทีวีว่า กองกำลังยูเครนสามารถปลดปล่อยหมู่บ้านโรโบทีน จากการยึดครองของรัสเซีย และรุกต่อไปทางด้านตะวันออกของหมู่บ้านดังกล่าว รวมทั้งทางด้านใต้ของหมู่บ้านมาลา ต็อกมัชกา

หมู่บ้านทั้ง 2 แห่งอยู่ในแคว้นซาโปริซเซีย ซึ่งเป็น 1 ใน 4 แคว้นที่เครมลินประกาศเข้าผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว แม้ไม่สามารถควบคุมพื้นที่ทั้งหมดของแคว้นเหล่านี้ได้ก็ตาม

ความคืบหน้าอย่างจำกัดของยูเครนในแนวรบทางภาคใต้ทำให้เกิดการโต้เถียงในหมู่พวกนักการเมืองฝ่ายตะวันตกเกี่ยวกับการให้ความสนับสนุนทางการเมืองและการทหารต่อไปแก่เคียฟ

หากเทียบกับการรุกตอบโต้ที่มีผลสำเร็จมากของกองทหารยูเครนเมื่อปีที่แล้วในแคว้นเคียร์ซอนและแคว้นคาร์คีฟ ขณะนี้ฝ่ายเคียฟดูเหมือนกับไม่อาจทะลวงแนวต้านทานของรัสเซียในซาโปริซเซีย ที่มีทั้งสนามทุ่นระเบิดและแนวคูสนามเพลาะล้อมรอบที่มั่นภายในรัศมีถึง 1 กิโลเมตร

กระนั้น พวกผู้เชี่ยวชาญตะวันตกระบุว่า การชิงโรโบทีนคืนได้เป็นหลักฐานยืนยันว่า กองกำลังยูเครนสามารถฝ่าฟันผ่านแนวต้านของรัสเซียและกำลังรุกคืบมุ่งหน้าสู่ทะเลดำ ถึงแม้หลายฝ่ายอย่างสถาบันเพื่อการศึกษาสงครามของอเมริการะบุว่า รัสเซียยังคงมีอาวุธ ความพยายาม และกำลังพลจำนวนมาก ในการรักษาแนวต้านทานซึ่งยูเครนจะต้องพยายามเจาะทะลวงต่อไป

นอกจากยึดหมู่บ้านหลายแห่งทางภาคใต้คืนมาได้ มัลยาร์อ้างว่า กองทัพยูเครนยังพยายามรุกทางภาคตะวันออกของประเทศ นั่นคือในพื้นที่ด้านใต้ของเมืองบัคมุต ที่รัสเซียเข้าควบคุมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยสามารถยึดพื้นที่ได้ราว 1 ตารางกิโลเมตรระหว่างการสู้รบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

รัฐมนตรีช่วยกลาโหมยูเครนยอมรับด้วยว่า ฝ่ายรัสเซียมีความพยายามรุกเข้าไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ทำให้มีการสู้รบหนักในแคว้นคาร์คีฟในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนประเมินว่า รัสเซียมีการจัดส่งทหารเพิ่มราว 100,000 นายไปยังแนวรบทางตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะที่หน่วยข่าวกรองอังกฤษระบุว่า รัสเซียอาจพยายามกดดันให้กองทัพยูเครนต้องโยกย้ายกำลังเพื่อเสริมที่มั่นของตัวเองในคาร์คีฟ

นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายยังระดมโจมตีทางอากาศ โดยเมื่อวันจันทร์รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีโรงงานอุตสาหกรรมในโพลตาวา ตอนกลางของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บ 5 คน

ขณะที่ อันดริว เยอร์แมค หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของประธานาธิบดียูเครน โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า รัสเซียโจมตีโรงน้ำมันในเมืองโกโกลีฟ ส่งผลให้พนักงาน 2 คนเสียชีวิต

ด้านกองทัพอากาศยูเครนแถลงว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธร่อน 6 ลูก แต่ถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนสกัดได้ 4 ลูก

ทางฝั่งกระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยว่า การโจมตีเหล่านั้นพุ่งเป้าที่คลังอาวุธและประสบความสำเร็จ รวมทั้งยังส่งเครื่องบินขับไล่ 2 ลำขึ้นสกัดโดรนสอดแนม 2 ลำของอเมริกาที่บินมาใกล้ๆ ไครเมียที่มอสโกเข้าผนวก ตั้งแต่เมื่อปี 2014

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันจันทร์ รัฐมนตรีกลาโหม โอเลคซี เรซนิคอฟ ของยูเครนได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทุจริตครั้งใหม่ โดยคราวนี้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องแบบทหารสำหรับการสู้รบช่วงฤดูหนาว ด้วยราคาสูงผิดปกติ

สื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า ปลายปีที่แล้วกระทรวงกลาโหมเซ็นสัญญากับบริษัทตุรกีแห่งหนึ่งให้จัดหาเครื่องแบบทหารสำหรับใช้สู้รบช่วงฤดูหนาว แต่หลังจากเซ็นสัญญา ราคากลับพุ่งขึ้นถึง 3 เท่าตัว และสูงกว่าราคาที่ขายทั่วไปในตุรกีมาก

พวกสื่อยูเครนยังระบุว่า พวกเจ้าของบริษัทตุรกีที่ทำสัญญากับกระทรวงกลาโหมแห่งนี้ คนหนึ่งคือ โอเลคซานดร์ คัสไซ หลานของเกนเนดี คัสไซ สมาชิกพรรคเดียวกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี

รัฐมนตรีกลาโหมเรซนิคอฟ ประณามว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่เป็นความจริง และยืนยันว่า ราคาที่จ่ายเป็นราคาเดียวกับที่ปรากฏในโฆษณา รวมทั้งทางกระทรวงปฏิบัติตามกฎหมายการจัดซื้อสาธารณะและจัดซื้อผ่านกระบวนการประมูล

ก่อนหน้านี้ กองทัพยูเครนเคยตกเป็นข่าวฉาวกรณีคอร์รัปชันมาแล้วหลายครั้ง โดยมีเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายคนถูกปลดเมื่อเดือนมกราคมหลังจากสื่อแฉว่า กระทรวงกลาโหมเซ็นสัญญาซื้อผลิตภัณฑ์อาหารให้ทหารในราคาที่ดูเหมือนสูงเกินจริง ซึ่งในครั้งนั้นเรซนิคอฟยอมรับว่า หน่วยงานต่อต้านการทุจริตของกระทรวงล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบ

เมื่อต้นเดือนนี้เอง เซเลนสกียังสั่งปลดเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการเกณฑ์ทหารประจำแคว้นต่างๆ ทั้งหมด เพื่อเป็นการกวาดล้างการทุจริต ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือให้ผู้ที่ต้องถูกเกณฑ์ทหารบางคนหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ

นับจากต้นปีนี้มีคดีทุจริตเกิดขึ้นมากมายในยูเครน ซึ่งอันที่จริงก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าการคอร์รัปชันดูเหมือนเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศนี้มายาวนาน กระทั่งสหภาพยุโรป ยืนกรานให้เคียฟแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังก่อนที่จะคิดเข้าเป็นสมาชิกอียู

(ที่มา : เอเอฟพี, เอเจนซีส์)
กำลังโหลดความคิดเห็น