ดิ อิโคโนมิสต์ นิตยสารรายสัปดาห์ชื่อดังของอังกฤษแฉลำพังยูเครนไม่สามารถส่งโดรนโจมตีลึกในดินแดนรัสเซีย แต่ที่เวลานี้ทำได้ก็เนื่องจากเคียฟได้ความช่วยเหลือด้านข่าวกรองและดาวเทียมสอดแนมจากตะวันตก ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง มอสโกยืนยันแล้ว “ปรีโกจิน” เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุเครื่องบินส่วนตัวของเขาตกเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว
ดิ อิโคโนมิสต์ รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (27 ส.ค.) ว่า ยูเครนพึ่งพิงข่าวกรองและดาวเทียมสอดแนมของตะวันตกที่ช่วยนำทางโดรนของยูเครนเข้าโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย ซึ่งอาร์ทีสื่อรัสเซียบอกว่า สอดรับกับการกล่าวอ้างของมอสโกที่ระบุว่า ตะวันตกสมรู้ร่วมคิดในการโจมตีเป้าหมายพลเรือนในรัสเซีย อันเป็นการเข้าข่ายการกระทำของผู้ก่อการร้าย
นิตยสารชื่อดังฉบับนี้สำทับโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวตนภายในโปรแกรมโดรนหลายๆ โปรแกรมของยูเครนว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ครอบคลุมและศักยภาพในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของรัสเซีย หมายความว่า บ่อยครั้งที่ผู้บังคับควบคุมโดรนต้องอาศัยความช่วยเหลือจากภายนอกในการโจมตีเป้าหมายในดินแดนชั้นในของรัสเซีย ซึ่งความช่วยเหลือเหล่านี้รวมถึงข่าวกรอง (ที่มักได้จากหุ้นส่วนฝ่ายตะวันตก) เกี่ยวกับเรดาร์ สงครามอิเล็กทรอนิกส์ และระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย
รายงานนี้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า เพื่อให้ทราบว่าการโจมตีประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนนั้น จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่รวบรวมโดยดาวเทียม แต่การที่ยูเครนมีดาวเทียมสอดแนมเพียงดวงเดียว ซึ่งโคจรรอบโลกวันละ 15 รอบ จึงหมายความว่าภาพถ่ายที่รวบรวมได้ในช่วงที่ดาวเทียมยูเครนไม่อาจถ่ายภาพบริเวณที่มีการโจมตีได้ น่าจะมาจากดาวเทียมฝ่ายตะวันตก
ก่อนหน้านี้ ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย เคยให้สัมภาษณ์ภายหลังเหตุการณ์โดรนขนาดเล็กลำหนึ่งโจมตีทำเนียบเครมลินเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า มอสโกรู้ดีว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับการปฏิบัติการเช่นนี้ ซึ่งถือเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายนั้น ไม่ได้กระทำกันในเคียฟ แต่ทำกันในวอชิงตัน
นอกจากนั้น รัสเซียยังกล่าวหาด้วยว่ากองกำลังพิเศษของอังกฤษและอเมริกาให้การช่วยเหลือยูเครน ในการโจมตีสะพานไครเมียด้วยขีปนาวุธเมื่อไม่นานมานี้
ในอีกด้านหนึ่ง สเวตลานา เปเทรนโก โฆษกคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย แถลงในวันอาทิตย์ (27) ว่า จากการตรวจสอบพันธุกรรมร่างผู้เสียชีวิต 10 คนในบริเวณที่เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งตกเมื่อวันพุธที่แล้ว (23) ยืนยันว่า เยฟเกนี ปรีโกจิน ผู้ก่อตั้งบริษัททหารรับจ้างวากเนอร์ กรุ๊ป และผู้ช่วยคนสนิทของเขาอีกหลายคน อยู่ในกลุ่มของผู้โดยสาร 7 คน และลูกเรือ 3 คนบนเครื่องบินลำดังกล่าวที่เสียชีวิตทั้งหมด
คณะกรรมการการสอบสวนไม่ได้ระบุสาเหตุที่เป็นไปได้ที่ทำให้เครื่องบินส่วนตัวลำดังกล่าวตก ไม่นานนักหลังออกเดินทางจากมอสโกมุ่งหน้าเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของปรีโกจิน
ทั้งนี้ เมื่อ 2 เดือนที่แล้วปรีโกจิน วัย 62 ปี ได้ก่อกบฏต่อต้านกองทัพรัสเซีย ด้วยการนำกองทหารรับจ้างวากเนอร์ของเขาจากยูเครนมุ่งหน้ามอสโก และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการทรยศชาติซึ่งจะต้องลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง
ทว่าในเวลาต่อมา ปูตินสามารถตกลงกับปรีโกจินได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ผู้นำวากเนอร์ไม่ถูกตั้งข้อหาใดๆ แลกกับการเนรเทศตัวเองไปอยู่เบลารุส
ผลการประเมินข่าวกรองเบื้องต้นของอเมริกาสรุปว่า เครื่องบินตกครั้งนี้มีสาเหตุจากการถูกวางระเบิด ขณะที่มีหลายฝ่ายสงสัยว่า ปูตินคือผู้บงการ แต่หลายฝ่ายไม่เชื่อเพราะปูติน รับปากแล้วว่าจะไว้ชีวิตปรีโกจิน รวมทั้งเจรจาทำข้อตกลงกับเขาแล้วด้วย ด้านเครมลินก็ออกมาปฏิเสธว่าข่าวลือเช่นนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น
ที่ยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ตอบข้อเรียกร้องของลินด์ซีย์ เกรแฮม หนึ่งในคณะวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ที่เยือนเคียฟเมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมาว่า ยูเครนสามารถจัดเลือกตั้งระหว่างที่ยังมีการสู้รบกับรัสเซีย ถ้าพวกชาติพันธมิตรจะออกทุนสนับสนุน ทางรัฐสภายูเครนเห็นชอบ และประชาชนทุกคนก็ออกไปใช้สิทธิ นอกจากนั้น พันธมิตรยังควรต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งบริเวณแนวรบเพื่อให้การเลือกตั้งชอบธรรมทั้งสำหรับยูเครนและชาวโลก
ไม่เพียงเท่านั้น ยูเครนยังต้องการความช่วยเหลือโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหภาพยุโรป ในการดำเนินการให้ประชาชนหลายล้านคนที่อพยพออกนอกประเทศขณะนี้สามารถลงคะแนนได้
ทั้งนี้ ส.ว.เกรแฮม จากรีพับลิกัน ให้สัมภาษณ์ระหว่างอยู่ที่เคียฟว่า สิ่งที่เขาต้องการบอกเซเลนสกีก็คือ ยูเครนต้องสู้ต่อไปเพื่อให้ชนะในสงครามที่ตะวันตกไม่อาจยอมพ่ายแพ้ได้ และเขาต้องการให้ยูเครนจัดการเลือกตั้งในปีหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่า ประเทศนี้สามารถมีการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมแม้อยู่ในสงคราม
(ที่มา : อาร์ที, รอยเตอร์, เอเอฟพี)