ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งให้พวกนักรบวากเนอร์ ลงนามสาบานตนสวามิภักดิ์กับรัฐรัสเซีย ตามหลังการเสียชีวิตในเหตุเครื่องบินตกของ เยฟเกนี ปรีโกจิน หัวหน้ากลุ่ม ขณะที่เครมลินออกมาปฏิเสธข้อบ่งชี้ว่าการตายดังกล่าวเป็นคำสั่งสังหารของพวกเขา
ปูติน ลงนามในกฤษฎีกาการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มีผลบังคับใช้ในทันทีเมื่อวันศุกร์ (25 ส.ค.) หลังจากวังเครมลิน ออกมาตอบโต้ข้อสันนิษฐานของตะวันตกที่บอกว่า ปรีโกจิน เสียชีวิตตามคำสั่งของพวกเขานั้น "เป็นการโกหกโดยสิ้นเชิง" ทั้งนี้ วังเครมลินปฏิเสธยืนยันอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการตายของผู้นำกลุ่มวากเนอร์ โดยบอกว่าจำเป็นต้องรอผลการตรวจชันสูตรเสียก่อน
องค์การการบินของรัสเซียเปิดเผยว่า ปรีโกจิน อยู่บนเครื่องบินส่วนตัวที่เกิดโหม่งโลก เสียชีวิตยกลำ เมื่อช่วงเย็นวันพุธ (23 ส.ค.) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงมอสโก ในเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้น 2 เดือนพอดีตามหลังเขานำพวกนักรบวากเนอร์ก่อกบฏต่อต้านบรรดาผู้นำกองทัพรัสเซีย แต่ประสบความล้มเหลว
ประธานาธิบดีปูติน ส่งสารแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุเมื่อวันพฤหัสบดี (24 ส.ค.) และพูดถึงเรื่องราวในอดีตของปรีโกจิน เขาอ้างข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ปรีโกจิน และผู้ช่วยระดับสูงของเขาในกลุ่มวากเนอร์เสียชีวิตแล้ว โดยแม้จะกล่าวยกย่อง ปรีโกจิน แต่อีกด้านหนึ่งก็บอกว่าผู้นำกลุ่มวากเนอร์ทำผิดพลาดร้ายแรงบางอย่าง
คำสั่งของปูติน ที่ให้พวกลูกจ้างวากเนอร์และบริษัททหารจับจ้างเอกชนอื่นๆ ลงนามสาบานตนสวามิภักดิ์ เป็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจน ในการดึงกลุ่มต่างๆ เหล่านี้เข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มข้นของทางรัฐ
กฤษฎีกาที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของวังเครมลิน กำหนดให้ทุกคนที่ทำงานในนามของกองทัพหรือสนับนสนุนสิ่งที่มอสโกเรียกว่า "ปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร" ในยูเครนต้องสาบานอย่างเป็นทางการว่าจะสวามิภักดิ์ต่อรัสเซีย
รายงานข่าวระบุว่า กฤษฎีกานี้ถูกให้คำจำกัดความในฐานะก้าวย่างแห่งการหลอมรวมจิตวิญญาณและรากฐานทางศีลธรรมแห่งการป้องกันรัสเซีย โดยคำพูดต่างๆ ที่ใช้สาบานตน ในนั้นรวมถึงบรรทัดหนึ่งที่ผู้ประกาศสวามิภักดิ์ จะให้คำสัญญาว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของบรรดาผู้บังคับบัญชาและผู้นำระดับสูงอย่างเคร่งครัด
บรรดานักการเมืองตะวันตกและพวกผู้สัดทันกรณี บ่งชี้โดยปราศจากการนำเสนอหลักฐานใดๆ ว่า ปูติน ออกคำสั่งให้จำกัด ปรีโกจิน เพื่อลงโทษเขากรณีก่อกบฏต่อต้านพวกผู้นำทางทหารระหว่างวันที่ 23-24 มิถุนายน ทั้งนี้ แม้มันประสบความล้มเหลวและจบลงภายในเวลาอันสั้น แต่มันกลายเป็นตัวแทนของภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดต่อระบอบการปกครองของปูติน นับตั้งแต่เขาก้าวสู่อำนาจในปี 1999
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินเมื่อวันศุกร์ (25 ส.ค.) ตอบโต้ว่าคำกล่าวหาดังกล่าวและการพูดพาดพิงอื่นๆ คล้ายกัน โดยชี้ว่ามันเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง "ตอนนี้มีข่าวลือไปกันใหญ่เกี่ยวกับเหตุเครื่องบินตกนี้ เช่นเดียวกับการเสียชีวิตอันน่าเศร้าของพวกผู้โดยสาร ในนั้นรวมถึง เยฟเกนี ปรีโกจิน แน่นอนว่าทุกข่าวลือนี้ในตะวันตกมันมาจากจุดประสงค์ที่ซ่อนเร้นหนึ่งที่ทราบกันดีอยู่แล้ว"
"ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นการโกหกโดยสิ้นเชิง แต่สำหรับที่นี่ เมื่อมีการรายงานข่าวในประเด็นนี้ มันจำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง มันยังมีข้อเท็จจริงไม่มากนัก ยังจำเป็นต้องสรุปข้อเท็จจริงเหล่านี้ผ่านการสืบสวน" เขากล่าว
ทีมสืบสวนของรัสเซียได้เปิดการตรวจสอบหาต้นตอของเหตุเครื่องบินตกแล้ว แต่ยังไม่ได้ระบุถึงข้อสมมติฐานที่พวกเขาสงสัยว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินดิ่งลงจากท้องฟ้าอย่างทันทีทันใด นอกจากนี้ พวกเขายังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเอกลักษณ์บุคคลทั้ง 10 ศพ ที่เก็บกู้ได้จากเศษซากเครื่องบิน
เมื่อถามว่าวังเครมลินได้รับคำยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการตายของ ปรีโกจิน แล้วหรือไม่ เปสคอฟตอบในวันศุกร์ (25 ส.ค.) ว่า "ถ้าคุณฟังอย่างตั้งใจในถ้อยแถลงของประธานาธิบดีรัสเซีย เขาบอกว่าจำเป็นต้องดำเนินการตรวจทุกอย่างที่จำเป็นทั้งหมดก่อน ในนั้นรวมถึงตรวจกรรมพันธุ์ ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ ผลอย่างเป็นทางการ ทันที่ที่พร้อมสำหรับการเผยแพร่จะถูกเผยแพร่หลังจากนั้น"
เปสคอฟ ซึ่งให้ข้อมูล ปูติน ไม่ได้พบปะกับ ปรีโกจิน เมื่อเร็วๆ นี้ บอกด้วยว่าไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการตรวจและการสืบสวนจะใช้เวลานานแค่ไหน และด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับคำถามที่ว่า ปูติน จะเดินทางไปร่วมพิธีศพของปรีโกจิน หรือไม่
หน่วยข่าวกรองสหราชอาณาจักรระบุเมื่อวันศุกร์ (25 ส.ค.) ว่ายังไม่มีข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า ปรีโกจิน อยู่บนเครื่องบิน แต่มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าเขาจะเสียชีวิต ส่วนกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) กล่าวว่าจากการประเมินเบื้องต้นของพวกเขา เชื่อว่า ปรีโกจิน เสียชีวิตแล้ว
สำนักข่างบาซาของรัสเซีย ซึ่งมีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือในหมู่พวกผู้บังคับใช้กฎหมาย รายงานว่าเวลานี้ทีมสืบสวนพุ่งเป้าไปที่ทฤษฎีหนึ่งที่ว่าอาจมีการลอบวางระเบิด 1 หรือ 2 ลูก บนเครื่องบิน
(ที่มา : รอยเตอร์)